“เจพีมอร์แกน” มั่นใจตลาดหุ้นจีนยังสดใส หลังรัฐออกมาตรการฟื้นภาคอสังหาฯ

เจพีมอร์แกนยังคงมีมุมมองเป็นบวกต่อตลาดหุ้นจีน โดยเชื่อมั่นว่าภาคอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มฟื้นตัว ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้นและตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีนให้ดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง

ทีมนักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกน ซึ่งนำโดยเวนดี หลิว หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ตลาดหุ้นเอเชียและจีน ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีในการประชุม “JPMorgan Global China Summit” ว่า ตลาดหุ้นจีนยังคงมีทิศทางที่สดใส และเชื่อมั่นว่าตลาดหุ้นจีนในปี 2567 มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2566 โดยส่วนหนึ่งได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน

“เราคาดว่าผลประกอบการที่แข็งแกร่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนตลาดหุ้นจีน และเมื่อนักลงทุนมองเป็นการเติบโตของผลประกอบการเหล่านี้ พวกเขาก็จะมีความเชื่อมั่นในการลงทุนมากขึ้น”

เวนดีกล่าว

เวนดีกล่าวว่า เมื่อวันจันทร์ที่แล้ว (20 พ.ค.) ดัชนี CSI300 ตลาดหุ้นจีนทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน และนับตั้งแต่ต้นปี 2567 ดัชนีพุ่งขึ้นประมาณ 4.9% โดยเวนดีคาดการณ์ว่าดัชนีจะพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีนี้ พร้อมแสดงความเห็นว่าตลาดหุ้นจีนถือเป็นตลาดที่มีราคาถูกมากที่สุดในเอเชียแปซิฟิก ซึ่งเป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่จะช่วยดึงดูดแรงซื้อของนักลงทุน

ทั้งนี้ รัฐบาลจีนได้พยายามที่จะพลิกฟื้นตลาดหุ้นจีนให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง ด้วยการใช้มาตรการต่าง ๆ ที่มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มสภาพคล่องในตลาด รวมทั้งออกคำเตือนว่าจะใช้บทลงโทษกับนักลงทุนที่มีพฤติกรรมปั่นหุ้น

นักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกนได้แสดงมุมมองบวกดังกล่าวต่อตลาดหุ้นจีน หลังจากนายอู๋ ชิง ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของจีน (CSRC) คนใหม่ โดยกล่าวว่า CSRC มีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินการปฏิรูปฝั่งอุปทาน (supply side reforms) ในตลาดหุ้นจีน

ภายใต้การบริหารของนายอู๋นั้น CSRC ได้ออกกฎระเบียบที่เข้มงวดมากขึ้นสำหรับบริษัทที่จะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นจีน รวมทั้งวางกฎระเบียบที่รัดกุมเกี่ยวกับการถอดหุ้นออกจากตลาด และยังได้ออกคำเตือนถึงบริษัทต่าง ๆ ที่วางนโยบายอย่างไร้ประสิทธิภาพ

เมื่อผู้สื่อข่าวของซีเอ็นบีซีถามเกี่ยวกับมุมมองที่มีต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน เวนดีกล่าวว่า เจพีมอร์แกนมีมุมมองเป็นบวกต่อภาคส่วนนี้ หลังจากรัฐบาลจีนได้ออกมาตรการต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งรวมถึงการสนับสนุนให้รัฐวิสาหกิจเข้าซื้ออสังหาริมทรัพย์ค้างสต็อก และการที่ธนาคารกลางจีนจัดหาเงินจำนวน 3 แสนล้านหยวน หรือประมาณ 4.225 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับสถาบันการเงิน เพื่อให้สถาบันการเงินเหล่านี้นำไปปล่อยกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจเป็นทุนในการซื้ออสังหาริมทรัพย์ค้างสต็อก

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 พ.ค. 67)

Tags: ,
Back to Top