นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.นอร์ทอีส รับเบอร์ (NER) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้ยังเป็นไปตามแผนที่วางไว้ โดยจะได้แรงหนุนจากยอดขายยางมาตรฐาน EUDR ของสหภาพยุโรปเข้ามาช่วย ซึ่งบริษัทวางเป้ายอดขายยาง EUDR ไว้ที่ 4.5-5 หมื่นตัน จากสถานการณ์คำสั่งซื้อจากจีนยังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะลูกค้า End User สั่งซื้อเข้ามามากขึ้น เนื่องจากยาง EUDR ส่วนใหญ่ลูกค้าปลายทาง คือโรงงานยางล้อ ส่วนลูกค้ากลุ่มเทรดเดอร์ยังมีเข้ามาตามปกติ นอกจากนี้คาดว่าจะได้ออเดอร์จากลูกค้ารายใหญ่ในกลุ่มล้อยางเข้ามาในช่วงปลายปีนี้ด้วย
“ในช่วงไตรมาส 3/67 บริษัทจะมีการส่งออกยาง EUDR ล็อตแรกให้บริษัทยางสัญชาติจีน ประมาณ 3,000 ตัน และส่งออกมากขึ้นในไตรมาส 4/67”
ช่วงที่เหลือของปีนี้คาดว่าจะส่งมอบยาง EUDR ล็อตเล็กๆ ราว 2,000-3,000 ตันต่อเดือน และระยะแรกภายในปี 67 น่าจะส่งออกยาง EUDR ได้ใกล้เคียงประมาณ 45,000 ตัน จากนั้นจะเติบโตมากขึ้นในปี 68 ซึ่งจากราคาขายยางมาตรฐาน EUDR ค่อนข้างสูง และมีความสามารถการทำกำไรในระดับสูง น่าจะเข้ามาช่วยเสริมผลประกอบการของบริษัทนอกเหนือจากการขายยางพาราปกติในช่วงที่เหลือของปี 67 และมากขึ้นในปี 68
ปัจจุบันบริษัทได้ดำเนินการขยายพื้นที่เพาะปลูกยางเพื่อผลิตตามมาตรฐาน EURD หรือ การปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยสินค้าปลอดการตัดไม้ทำลายป่า ไปแล้ว 30,000 ไร่ทั้งในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสาน โดยวางเป้าขยายพื้นที่เพาะปลูกเป็น 1 แสนไร่ และปีหน้าวางเป้ายอดขายยาง EUDR ราว 1 แสนตัน ขณะที่บริษัทมีกำลังผลิตยางทุกมาตรฐานอยู่ที่ 5.1 แสนตัน และจะมีกำลังการผลิตใหม่เพิ่มเข้ามารวมเป็น 5.6 แสนตันภายในเดือนก.ย.นี้
นายชูวิทย์ กล่าวถึงราคายางที่ค่อนข้างผันผวนว่า ในปีนี้คาดว่าจะมีราคาเฉลี่ยอยู่ราว 70 บาทต่อกิโลกรัม โดยระยะสั้นคาดมีโอกาสที่ราคายางจะปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะจากสถานการณ์น้ำท่วมภาคเหนือ-อีสาน และอาจต่อเนื่องไปยังภาคใต้ กระทบต่อผลผลิตยางได้น้อยลง แต่ด้วยดีมานด์จากต่างประเทศก็น้อยลง ทำให้ดีมานด์และซัพพลายยังอยู่ในภาวะสมดุล
นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งปีหลังราคายาง EUDR เทียบกับยางทั่วไปอาจมีส่วนต่างระหว่างราคา (Gap) แคบลง จากปัจจุบันอยู่ที่ราว 6-7 บาท/กิโลกรัม และคาดว่าในอนาคตที่จะมีปริมาณยาง EUDR ออกมามากขึ้น Gap ก็น่าจะแคบลงอย่างต่อเนื่อง
“แนวโน้มครึ่งปีหลังนี้เริ่มดีขึ้นกว่าต้นปีที่ผ่านมาที่เรามีความกลัวค่อนข้างมาก เนื่องจากปริมาณยางที่ภาคอีสานมีความสมบูรณ์มากขึ้น และเมื่อเข้าสู่ฤดูกรีดยางก็คาดว่าจะกลับไปเทียบเท่าในช่วงพีคๆ ได้ ทำให้สถานการณ์ยางในภาพรวมไม่น่าห่วง” นายชูวิทย์ กล่าว
ขณะที่ค่าเงินบาทแข็งค่า มองส่งผลดี เนื่องจากจะไม่มีผลขาดทุนจากค่าเงินบาททางบัญชีแล้ว และคาดว่าจะมีกำไรจะปรับขึ้นมาเล็กน้อย
นายชูวิทย์ กล่าวว่า ทั้งปี 67 คาดรายได้เติบโตแตะ 2.85 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 5-7% เมื่อเทียบกับปีก่อน รับอานิสงส์ราคายางปรับตัวขึ้น โดยเฉพาะราคายาง EURD ที่สูงกว่ายางทั่วไป ขณะที่คาดว่าปริมาณขายรวมคาดไว้ที่ 4.4 แสนตัน ลดลง 10% จากปี 66 จากสถานการณ์เอลนีโญ ได้ส่งผลกระทบให้มีปริมาณยางออกมาน้อย แต่แนวโน้มคำสั่งซื้อที่ดีขึ้นและได้ปัจจัยบวกจากราคายางพาราที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับสูง ซึ่งปัจจุบันมีคำสั่งซื้อ (Order) ล่วงหน้าครอบคลุมถึงไตรมาส 1/68
ด้านแนวโน้มการส่งออกยังดีต่อเนื่อง โดยจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์พบว่าการส่งออกยางพาราขยายตัวต่อเนื่อง 8 เดือนติดต่อกัน โดย 6 เดือนแรกของปี ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนมิถุนายน ขยายตัวไปแล้ว 30.6% โดยการเติบโตจะมาจากตลาดจีนที่มีความต้องการยางพาราที่มากขึ้น โดยเฉพาะการซื้อเพื่อรักษาระดับสต๊อก ขณะที่ส่วนซัพพลายยางก็มีแนวโน้มที่ดีขึ้น
นายชูวิทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทให้ความสำคัญกับตลาดอินเดีย และจีน ที่เศรษฐกิจมีแนวโน้มในการเติบโตต่อ และล่าสุดมีการการจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ ในประเทศโกตดิวัวร์ (Cote d’Ivoire) เพื่อสร้างโอกาสในประเทศเกิดใหม่ เพราะเป็นประเทศที่มีโอกาสเติบโตในเรื่องของยางพาราเยอะ และการแข่งขันยังไม่สูงมากนัก
วางเป้าขึ้นแท่นผู้นำแผ่นปูรองพื้นปศุสัตว์-สัตว์เลี้ยงใน 5 ปี
บริษัทฯ ตั้งเป้าเป็นผู้นำแผ่นปูรองพื้นสำหรับปศุสัตว์ สัตว์เลี้ยง และที่ใช้ในบ้าน ในอีก 5 ปีข้างหน้า ซึ่งจะมียอดขายเติบโตแตะหลัก 1,000 ล้านบาท จากปีนี้คาดมียอดขายผลิตภัณฑ์ยางสำเร็จรูป หลัก 10 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ประมาณ 2 ล้านบาท และปี 68 แตะหลัก 100 ล้านบาท โดยจะเป็นการเติบโตเฉลี่ยปีละ 100%
ปัจจุบันบริษัทได้มีการนำผลิตภัณฑ์ยางสำเร็จรูป หรือ แผ่นยางปูรองคอกปศุสัตว์ เข้าไปในฟาร์มสัตว์รายใหญ่ของประเทศไทย จำนวนหลายฟาร์มแล้ว ขณะที่ยังมีผลิตภัณฑ์ยางดังกล่าวที่หลากหลายมากขึ้น เช่น แผ่นปูรองคอกหมู และอยู่ระหว่างทดลองแผ่นยางปูรองกับสุนัข แมว และม้า รวมถึงยังมองแผ่นปูกันกระแทก สำหรับผู้บริโภคที่ใช้ตามบ้านทั่วไป สำหรับผู้ป่วย ผู้สูงอายุ และแผ่นกันลื่นในห้องครัวของโรงอาหารต่างๆ
“ผลิตภัณฑ์ยางสำเร็จรูป เราได้แบ่งเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ คือ แผ่นปูรองปศุสัตว์, สัตว์เลี้ยง และที่ใช้ในบ้าน โดยเราจะเป็นผู้ผลิตเองทั้งหมด จากโรงงานที่บุรีรัมย์ โดยเราได้ตั้งเป้าเป็นผู้นำในเรื่องของแผ่นพื้นทั้งหมดดังที่กล่าวมา ด้วยยอดขายแตะหลัก 1,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปีข้างหน้า” นายชูวิทย์ กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ก.ย. 67)
Tags: NER, ชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์, นอร์ทอีส รับเบอร์, ยาง EUDR, ราคายาง, สหภาพยุโรป, แผ่นยางปศุสัตว์