ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันพฤหัสบดี (15 พ.ค.) โดยหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมปรับตัวขึ้นมากที่สุด ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
- ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 546.95 จุด เพิ่มขึ้น 3.07 จุด หรือ +0.56%
- ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,853.47 จุด เพิ่มขึ้น 16.68 จุด หรือ +0.21%,
- ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 23,695.59 จุด เพิ่มขึ้น 168.58 จุด หรือ +0.72% และ
- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,633.75 จุด เพิ่มขึ้น 48.74 จุด หรือ +0.57%
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ในดัชนี STOXX 600 ปรับตัวขึ้น ยกเว้นกลุ่มที่เชื่อมโยงกับสินค้าโภคภัณฑ์ซึ่งได้รับแรงกดดันจากราคาสินค้าที่ลดลง โดยราคาน้ำมันร่วงลงมากกว่า 3% จากความคาดหวังว่า อาจมีการทำข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐฯ กับอิหร่าน ซึ่งอาจจะเพิ่มอุปทานน้ำมันในตลาด
ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงาน ลดลง 0.9% โดยหุ้นบีพี (BP) และหุ้นเชลล์ (Shell) ที่จดทะเบียนในอัมสเตอร์ดัม ร่วงลง 3.3% และ 1.5% ตามลำดับ
หุ้นกลุ่มทรัพยากรพื้นฐานปรับตัวลงด้วย เนื่องจากราคาโลหะอุตสาหกรรมปรับตัวลง
หุ้นกลุ่มสื่อสารโทรคมนาคมปรับตัวขึ้นมากที่สุด โดยได้แรงหนุนจากหุ้นของดอยซ์ เทเลคอม (Deutsche Telekom) ซึ่งพุ่งขึ้น 2.8% หลังรายงานกำไรไตรมาสแรกสูงกว่าคาดเล็กน้อย
หุ้นกลุ่มอากาศยานและกลาโหม พุ่งขึ้น 2.3% หลังหุ้นในกลุ่มพุ่งขึ้นถ้วนหน้า โดยหุ้นเฮนโซลด์ (Hensoldt) พุ่ง 8.8%, หุ้นไรน์เมทัล (Rheinmetall) พุ่ง 5.7% และหุ้นลีโอนาร์โด (Leonardo) พุ่ง 4% หลังวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ปฏิเสธข้อเสนอที่จะพบปะกับโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครนแบบเผชิญหน้ากันในตุรกี ซึ่งส่งผลกระทบต่อความหวังเกี่ยวกับการทำข้อตกลงสันติภาพ
หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคปรับตัวขึ้น 1.9% หลังบริษัทต่าง ๆ ในกลุ่มรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่ง อาทิ เนชันแนล กริด (National Grid) และยูไนเต็ด ยูทิลิตีส์ (United Utilities)
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 พ.ค. 68)
Tags: ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นยุโรป