“อนุทิน” การันตี ภูมิใจไทยไม่โหวตคว่ำร่าง พ.ร.บ.งบปี 69 แน่นอน ย้ำเสถียรภาพรัฐบาลยังปึ้ก!

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ยืนยันว่า พรรคภูมิใจไทย จะไม่มีการโหวตคว่ำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 อย่างแน่นอน ซึ่งได้ร่วมทำงบประมาณและผ่านคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นที่เรียบร้อย และเป็นงบประมาณเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ และประชาชน

“เราทำงบประมาณมาด้วยกัน และผ่านคณะรัฐมนตรีเป็นที่เรียบร้อย กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเดียวที่ดูแลอยู่ก็ 4 แสนล้านบาท กระทรวงศึกษาธิการ ประมาณ 5 แสนล้านบาท กระทรวงอุดมศึกษาฯ อีก 2 แสนล้านบาท และกระทรวงแรงงานอีก 2-3 หมื่นล้านบาท เฉพาะในส่วนงบประมาณที่ผมกำกับดูแล ก็เกือบล้านล้านบาท ถ้าไม่เห็นชอบ หรือโหวตคว่ำ จะผ่าน ครม.ได้อย่างไร เรื่องนี้เป็นเรื่องของรัฐบาล เป็นเรื่องของประชาชน เราต้องให้การสนับสนุนอยู่แล้ว เพราะเป็นงบประมาณที่เราทำเอง” นายอนุทิน ระบุ

ส่วนที่มีการมองกันว่าพรรคเพื่อไทย แพ็คกับพรรคกล้าธรรม ส่วนพรรคภูมิใจไทย ก็แพ็คกับนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เพื่อต่อรองหรือไม่นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ภูมิใจไทยแพ็คกับทุกพรรค แม้กระทั่งฝ่ายค้าน ถ้าเป็นการทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง โดยยึดประชาชนเป็นหลัก

ส่วนการเติบโตของพรรคกล้าธรรม จะเป็นการคานอำนาจพรรคภูมิใจไทยในรัฐบาลหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มี ทุกพรรคการเมืองก็ต้องการเติบโต พรรคใดที่สามารถรับใช้ประชาชนได้ ทำให้ประชาชนมีความมั่นใจ พรรคนั้นก็จะเติบโตเหมือนเช่นพรรคภูมิใจไทย พร้อมยอมรับว่า ได้พูดคุยกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่าที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม อยู่ตลอดเวลา และทำงานร่วมกันตลอด

นายอนุทิน ยืนยันว่าไม่มีการปรับคณะรัฐมนตรี และย้ำว่ารัฐบาลมีความเข้มแข็ง

“ทุกวันนี้ก็ 320 กว่าเสียง ยิ่งมีสมาชิกมาเพิ่มในพรรคกล้าธรรม ก็ทำให้รัฐบาลเข้มแข็งมากขึ้น ผมก็ไปผ่าตัดเลนส์ตาได้อย่างสบายใจ” นายอนุทินกล่าว

ส่วนกรณีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้นัดไต่สวนคดีการพักรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ ในวันที่ 13 มิ.ย. จะถือเป็นจุดอันตรายกับรัฐบาลหรือไม่นั้น นายอนุทิน ยืนยันว่า ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล ส่วนนั้นเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ส่วนรัฐบาลเป็นเรื่องของฝ่ายบริหารประเทศ ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้นรัฐบาลก็ยังอยู่บริหารประเทศไทย

“มันแยกโดยสามเส้าของอำนาจอธิปไตยอยู่แล้ว ฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ ไม่เกี่ยวข้องกัน” นายอนุทิน กล่าว

ส่วนความเป็นพ่อลูก ระหว่างนายทักษิณกับนายกรัฐมนตรี ที่ต้องเกี่ยวพันกันอยู่แล้วนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า คนที่เติบโตมีภาระรับผิดชอบ มาถึงในระดับบริหารได้ ทุกคนไม่เฉพาะคนใดคนหนึ่ง ต้องแยกแยะถูกว่าสิ่งไหนเป็นเรื่องส่วนตัว เรื่องของประเทศ และเรื่องของประชาชน

“ถ้าเรื่องส่วนตัว เอามารวมไม่ได้ ถ้ารวมกันก็ทำงานไม่ได้ และยังไม่เห็นใครในรัฐบาล เอาเรื่องส่วนตัวและส่วนรวมมาผสมกัน แล้วมาทำงาน” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ระบุ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 พ.ค. 68)

Tags: , ,
Back to Top