ซีอีโอเจพีมอร์แกนเตือนตลาดประเมินความเสี่ยงผลกระทบภาษีทรัมป์ต่ำเกินไป

เจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของบริษัทเจพีมอร์แกน เชส (JPMorgan Chase) เตือนว่า ตลาดการเงินและธนาคารกลางประเมินความเสี่ยงที่เกิดจากการขาดดุลงบประมาณสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของสหรัฐฯ รวมทั้งมาตรการภาษีศุลกากร และสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างประเทศ ต่ำเกินไป

ไดมอนกล่าวว่า สหรัฐฯ ขาดดุลมูลค่ามหาศาล ในขณะที่ธนาคารกลางแทบจะไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ โดยทุกคนคิดว่าธนาคารกลางสามารถจัดการกับปัญหาเหล่านี้ได้ แต่เขาเองไม่คิดเช่นนั้น นอกจากนี้ เขาเชื่อว่าโอกาสที่เงินเฟ้อจะพุ่งขึ้นและการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยควบคู่กับเงินเฟ้อที่สูงขึ้น (Stagflation) นั้น จะรุนแรงมากกว่าที่ผู้คนคาดคิด

ทั้งนี้ ไดมอนแสดงความเห็นดังกล่าวในการประชุมนักลงทุนประจำปีของเจพีมอร์แกนซึ่งจัดขึ้นที่นิวยอร์กในวันจันทร์ (19 พ.ค.)

ไดมอนคาดการณ์ว่า ผลประกอบการของบริษัทในดัชนี S&P500 จะปรับตัวลงอีก หลังจากที่ลดลงไปแล้วในช่วงสัปดาห์แรก ๆ ที่รัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ ใช้นโยบายการค้า โดยบริษัทเหล่านี้ต่างพากันระงับการเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์หรือลดการคาดการณ์รายได้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ

ขณะเดียวกันไดมอนคาดว่า ในช่วง 6 เดือนข้างหน้า ตัวเลขคาดการณ์อัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไร (PE) ของบริษัทจดทะเบียนจะลดลงเหลือ 0% หลังจากเริ่มต้นปีที่ประมาณ 12% ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ราคาหุ้นก็มีแนวโน้มปรับตัวลง

การแสดงความเห็นของไดมอนมีขึ้น หลังจากมูดี้ส์ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของรัฐบาลสหรัฐฯ จากระดับ Aaa สู่ระดับ Aa1 เมื่อวันศุกร์ (16 พ.ค.) โดยแสดงความกังวลเกี่ยวกับระดับหนี้สาธารณะที่สูงถึง 36 ล้านล้านดอลลาร์ และภาระดอกเบี้ยของรัฐบาล รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับปัญหาการขาดดุลงบประมาณ

ข่าวดังกล่าวส่งผลให้ตลาดการเงินทั่วโลกเผชิญกับความผันผวนมากขึ้น จากเดิมที่ตลาดได้รับผลกระทบอยู่แล้วจากความวิตกกังวลว่า มาตรการภาษีศุลกากรของรัฐบาลทรัมป์จะส่งผลให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นและทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ อ่อนแอลง

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 พ.ค. 68)

Tags: , , ,
Back to Top