ท่าเรือลอสแอนเจลิสสะเทือนหนัก ยอดขนส่งร่วง 30% ต้นพ.ค. หลังทรัมป์ขึ้นภาษี

ปริมาณสินค้าที่เข้าสู่ท่าเรือนครลอสแอนเจลิสซึ่งเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางเรือที่คึกคักที่สุดของสหรัฐฯ ปรับตัวลงมากถึง 30% ในช่วงต้นเดือนพ.ค.นี้ หลังจากการออกมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

ยีน เซโรกา ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารท่าเรือลอสแอนเจลิสเปิดเผยเมื่อวันจันทร์ (19 พ.ค.) ว่า การลดลงของจำนวนตู้สินค้าส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ตั้งแต่จำนวนแรงงานในท่าเรือ คนขับรถบรรทุก ไปจนถึงพนักงานคลังสินค้า โดยระบุว่า “ผลกระทบจากมาตรการภาษีเกิดขึ้นแทบจะในทันทีในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนพ.ค.

ก่อนหน้านี้ บรรดาผู้ประกอบการเร่งนำเข้าสินค้าเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีใหม่ ทำให้ในเดือนเม.ย. ท่าเรือลอสแอนเจลิสมียอดขนถ่ายสินค้าสูงถึง 843,000 ทีอียู (หน่วยนับตู้คอนเทนเนอร์ยาว 20 ฟุต – TEU) เพิ่มขึ้น 9.4% เมื่อเทียบรายปี

อย่างไรก็ตาม ทิศทางการส่งออกกลับสวนทาง โดยเซโรกาชี้ว่า ยอดส่งออกลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 ในเดือนเม.ย. เนื่องจากประเทศคู่ค้าตอบโต้ด้วยการตั้งกำแพงภาษีตอบโต้ โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าเกษตรและสินค้าภาคการผลิตของสหรัฐฯ

แม้ว่าการบรรลุข้อตกลงชั่วคราวระหว่างสหรัฐฯ กับจีนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งจะชะลอการจัดเก็บภาษีระหว่างกันเป็นเวลา 90 วัน อาจช่วยกระตุ้นการนำเข้าสินค้ากลับมาในเดือนมิ.ย.และก.ค. แต่เซโรกาเตือนว่า สถานการณ์ยังไม่แน่นอน และนโยบายการค้ายังคงมีความผันผวนสูง

เซโรการะบุเสริมว่า นับจนถึงกลางเดือนพ.ค. มีการยกเลิกการเดินเรือเข้าเทียบท่าเรือลอสแอนเจลิสแล้วถึง 17 เที่ยวจากทั้งหมด 80 เที่ยว และคาดว่าจะมีการยกเลิกเพิ่มอีก 10 เที่ยวในเดือนถัดไป

ด้านท่าเรือลองบีช ซึ่งอยู่ในอ่าวซานเปโดรร่วมกับท่าเรือลอสแอนเจลิส ก็กำลังเตรียมพร้อมสำหรับผลกระทบเช่นกัน แม้ในเดือนเม.ย. จะมียอดการขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์รวมกว่า 867,493 ทีอียู เพิ่มขึ้นถึง 15.6% เมื่อเทียบรายปี

มาริโอ คอร์เดโร ซีอีโอท่าเรือลองบีชระบุว่า หลังจากขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์มากที่สุดในบรรดาท่าเรือสหรัฐฯ ในไตรมาสแรกของปี 2568 ตอนนี้เราคาดว่าจะเห็นการนำเข้าลดลงกว่า 10% ในเดือนพ.ค. ซึ่งผลกระทบจะไม่ได้จำกัดแค่บริเวณท่าเรือเท่านั้น

นอกจากนี้ ท่าเรือโอ๊คแลนด์ทางฝั่งตะวันตกก็เริ่มรับรู้ถึงผลกระทบเช่นกัน โดยในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา มียอดการขนถ่ายสินค้ารวม 185,499 ทีอียู ลดลงถึง 14.7% จากเดือนมี.ค.

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 พ.ค. 68)

Tags: , , , ,
Back to Top