
ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ออกรายงาน Statement on Monetary Policy ในวันนี้ (20 พ.ค.) โดยระบุว่า เงินเฟ้อของออสเตรเลียมีแนวโน้มชะลอตัวลงและการว่างงานปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากผลกระทบของความตึงเครียดด้านการค้าโลกที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
รายงานของดังกล่าวของ RBA ซึ่งมีความยาว 64 หน้าระบุว่า อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core Inflation) ชะลอตัวลงรวดเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้เล็กน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเงินเฟ้อในภาคบริการ พร้อมกับเตือนว่า ผลกระทบที่เกิดจากมาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ จะเป็นปัจจัยฉุดการเติบโตของเศรษฐกิจโลกให้อ่อนแอลง และส่งผลให้เงินเฟ้อของออสเตรเลียชะลอตัวลงในภาพรวม
“แนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอลงทำให้อัตราว่างงานขยับขึ้นเล็กน้อย และทำให้เงินเฟ้อปรับตัวลงเล็กน้อย” RBA ระบุในรายงาน และเสริมว่า “ความขัดแย้งด้านการค้าที่รุนแรงขึ้นเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจมีความเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะขาลง”
ทั้งนี้ RBA ปรับลดคาดการณ์เงินเฟ้อ โดยคาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (Headline CPI) จะอยู่ในระดับสูงสุดที่ 3.1% ภายในกลางปี 2569 ก่อนที่จะชะลอตัวลงสู่ระดับ 2.6% ภายในกลางปี 2570 และคาดว่าดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ RBA จับตาอย่างใกล้ชิด จะลดลงสู่ระดับ 2.6% ภายในไตรมาสเดือนมิ.ย. จากระดับ 2.7%
นอกจากนี้ เศรษฐกิจออสเตรเลียน่าจะขยายตัว 2.1% ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งแม้ว่าเพิ่มขึ้นจากระดับ 1.3% ในปี 2567 แต่ก็ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ 2.4% เนื่องจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงและอุปสงค์ของผู้บริโภคอ่อนแอลงด้วย
การเปิดเผยรายงาน Statement on Monetary Policy มีขึ้นในวันเดียวกับที่ RBA ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่ระดับ 3.85% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2566 ในการประชุมวันนี้ สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ เนื่องจากการชะลอตัวของเงินเฟ้อภายในประเทศได้เปิดทางให้ RBA สามารถดำเนินนโยบายผ่อนคลายการเงิน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 พ.ค. 68)
Tags: ธนาคารกลางออสเตรเลีย, สงครามการค้า, ออสเตรเลีย, เศรษฐกิจออสเตรเลีย