
จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 7.7 ที่มีศูนย์กลางที่เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 28 มี.ค.68 ส่งผลให้อาคารของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่กำลังก่อสร้างพังถล่มลงมา และมีผู้เสียชีวิตกว่า 100 ราย ขณะนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด และอยู่ระหว่างการสืบหาข้อเท็จจริงของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
สำหรับจุดที่พังถล่มเป็นจุดแรก คาดการณ์ว่าเกิดขึ้นที่บริเวณผนังปล่องลิฟต์ น่าจะเป็นช่วงชั้นล่าง ๆ แต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นชั้นใดก่อน เมื่อปล่องลิฟต์พังถล่มแล้ว จึงฉุดรั้งให้เสาอาคาร รวมทั้งส่วนอื่น ๆ ของอาคารพังถล่มลงมาทั้งหลังอย่างสิ้นเชิง
นายอมร พิมานมาศ นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ข้อสันนิษฐานถึงสาเหตุที่เป็นไปได้ ประกอบด้วย 4 ปัจจัย คือ 1.ความแรงของแผ่นดินไหว 2.การคำนวณออกแบบอาคาร 3.การก่อสร้างอาคาร และ 4.คุณภาพวัสดุ เช่น คอนกรีต, เหล็กเสริม, อุปกรณ์ต่อเหล็ก เป็นต้น
โดยแต่ละปัจจัยต้องมีการพิสูจน์ให้แน่ชัด และคำนึงถึงองค์ความรู้และวิทยาการด้านนิติวิศวกรรมศาสตร์ (Forensic Engineering) ที่ทันสมัย ซึ่งมีข้อสังเกตดังนี้
- การพิสูจน์การออกแบบโดยการสร้างแบบจำลอง จะต้องคำนึงถึงมาตรฐานในห้วงเวลาที่ทำการออกแบบ และหากพบการออกแบบผิดพลาด จะต้องตรวจสอบโดยแบบจำลองที่ละเอียดกว่า เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นสาเหตุให้การเกิดพังถล่มหรือไม่
- การเก็บตัวอย่างคอนกรีตไปทดสอบ จะต้องเก็บตัวอย่างให้ครอบคลุม ในส่วนที่เป็นเนื้อโครงสร้างที่แข็งแรง และบริเวณที่คาดว่าจะเป็นจุดอ่อน เช่น บริเวณรอยต่อการเทคอนกรีต (Cold joint) และควรนำเสนอผลการทดสอบให้สาธารณะทราบโดยเร็ว
- จะต้องเก็บรักษาวัตถุพยาน เพื่อรอการพิสูจน์โดยวิทยาการที่ทันสมัย หรือมีผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศมาร่วมพิสูจน์
- แรงแผ่นดินไหว ต้องอาศัยข้อมูลการตรวจวัดคลื่นแผ่นดินไหวตามสถานที่ต่าง ๆ
- จี้ฟันวิศวกรผู้เกี่ยวข้อง ไม่ต้องรอให้มีคนร้องเรียน
กรณีเหตุพังถล่มของอาคาร มีประเด็นปัญหาเรื่องวิศวกรเข้ามาเกี่ยวข้องจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นการปลอมลายมือชื่อวิศวกร วิศวกรอายุ 85 ปีทำการรับรองการคำนวณออกแบบ วิศวกรต่างด้าว และอื่นๆ จึงมีข้อเรียกร้องต่อสภาวิศวกร ควรดำเนินการอย่างจริงจังกับวิศวกรที่เกี่ยวข้อง โดยไม่ต้องรอให้มีผู้ร้องเรียน
“เนื่องจากความปรากฏต่อสาธารณะแล้ว สภาวิศวกรสามารถใช้วิธีกล่าวโทษ เพื่อเริ่มกระบวนการจรรยาบรรณต่อวิศวกรที่เกี่ยวข้องได้เลย พร้อมเรียกร้องให้สภาวิศวกร เปิดประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อวางแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน” นายอมร ระบุ
นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย กล่าวต่อว่า กรณีดังกล่าว มีกฎหมายหลายฉบับที่จำเป็นต้องได้รับการปรับปรุงเพื่อป้องกันเหตุตึกถล่มจากแผ่นดินไหวในอนาคต ได้แก่
- พ.ร.บ.วิศวกร กำหนดสมรรถนะของวิศวกรในการออกแบบอาคารสูงหรือใหญ่พิเศษ ภายใต้แรงแผ่นดินไหว เพิ่มโทษการปลอมแปลงใบอนุญาต เพิ่มอำนาจระงับใช้ใบอนุญาตชั่วคราว
- พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร กำหนดให้อาคารราชการต้องขออนุญาตเช่นเดียวกับอาคารเอกชน กำหนดให้มีการตรวจสอบการออกแบบอิสระ (Blind independent check) มีกฎหมายให้ประเมินและเสริมกำลังอาคารเสี่ยง ตลอดจนติดตั้งอุปกรณ์ตรวจวัดแผ่นดินไหว เช่น โรงพยาบาล อาคารสูง เป็นต้น
- พ.ร.บ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เพิ่ม มอก.บังคับวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง เช่น คอนกรีตผสมเสร็จ อุปกรณ์ต่อเหล็กทางกล เป็นต้น
- พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพิ่มคณะกรรมการอิสระตรวจสอบเหตุการณ์พังถล่มของอาคาร
- พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ กำหนดขึ้นทะเบียนผู้รับจ้างช่วง และหลักเกณฑ์การจ้างช่วง เพิ่มความโปร่งใสในขั้นตอนการก่อสร้าง เช่น การแก้ไขแบบ การทดสอบวัสดุ ต้อง upload ขึ้นระบบให้ตรวจสอบได้
- พ.ร.บ.การผังเมือง เพิ่มผังสีความเสี่ยงแผ่นดินไหว โดยอาศัยหลักการ Microzonation
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 พ.ค. 68)
Tags: ตึก สตง., ตึกถล่ม, ส.วิศวกร