
นายเติมพงษ์ เหมาะสุวรรณ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส กลุ่มงานบัญชีและการเงิน บมจ.ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น [UNIQ] เปิดเผยว่า บริษัทกำหนดอัตราดอกเบี้ยหุ้นกู้ อายุ 2 ปีที่ระดับ 6.50% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน คาดเสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนรายใหญ่ (High Net Worth) และผู้ลงทุนสถาบัน ระหว่างวันที่ 12-13 และ 16 มิถุนายน 2568 ผ่านผู้จัดการการจัดจำหน่าย 5 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย บล. กรุงไทย เอ็กซ์สปริง บล.บลูเบลล์ บล.เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ และ บล.พาย
สำหรับหุ้นกู้ที่เสนอขายในครั้งนี้ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2568 ที่ระดับ BB+ ขณะที่อันดับความน่าเชื่อถือองค์กรอยู่ที่ระดับ BBB- สะท้อนถึงขีดความสามารถในการแข่งขันที่แข็งแกร่งของบริษัทในการรับงานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐ
“บริษัทฯ หวังว่า หุ้นกู้ UNIQ จะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ลงทุน โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากอัตราผลตอบแทนที่น่าพอใจ และประวัติการออกหุ้นกู้ของบริษัทฯ ที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีอะไรด่างพร้อย สามารถจ่ายดอกเบี้ยได้ตรงเวลาอย่างสม่ำเสมอ
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังมีฐานะการเงินที่มั่นคง โดยมีความพร้อมด้านการบริหารจัดการในงานก่อสร้างโครงการของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง ด้วยการนำเทคโนโลยีก่อสร้างใหม่ ๆ (Construction Technology) เข้ามาเพื่อพัฒนาวิธีการก่อสร้างให้ทันสมัย รวมถึงนำเทคโนโลยีด้านไอที (Intelligence Technology) มาพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสาร เพื่อให้การบริหารงานมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด ส่งผลให้งานในมือ (Backlog) ของบริษัทฯ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 อยู่ที่ 117,928.08 ล้านบาท และยังไม่รับรู้รายได้อีกประมาณ 41,115.83 ล้านบาท ซึ่งสามารถทยอยรับรู้รายได้จนถึงปี 2571” รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส กลุ่มงานบัญชีและการเงิน UNIQ กล่าว
ทั้งนี้ UNIQ เป็นผู้ประกอบการธุรกิจรับเหมาก่อสร้างชั้นนำของไทย ที่มุ่งเน้นงานสาธารณูปโภคขนาดกลางและขนาดใหญ่ เช่น สถานีกลางบางซื่อ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญในด้านบริหารจัดการและการเลือกใช้เทคโนโลยีระดับสูงให้เหมาะสม และยังเป็นผู้เชี่ยวชาญงานก่อสร้างสะพานโครงสร้างเหล็กและสะพานโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก งานก่อสร้างอุโมงค์รถยนต์ลอดใต้ทางแยก งานก่อสร้างทางพื้นคอนกรีตเสริมเหล็กและแอลฟัลท์ติกคอนกรีต งานระบบสาธารณูปโภคใต้ดิน ทั้งไฟฟ้า ประปา และโทรศัพท์ รวมถึงงานในโครงการรับเหมาก่อสร้างที่มีขนาดใหญ่มูลค่าโครงการสูง หรือเป็นโครงการที่ต้องอาศัยความชำนาญหรือเทคโนโลยีเฉพาะด้าน
โดยลูกค้าของบริษัทฯ ส่วนใหญ่เป็นหน่วยงานภาครัฐหรือรัฐวิสาหกิจ เช่น กรมทางหลวง การไฟฟ้านครหลวง การทางพิเศษแห่งประเทศไทย การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย บมจ.ท่าอากาศยานไทย [AOT] การรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นต้น
ในไตรมาสแรก (มกราคม-มีนาคม) ปี 2568 บริษัทฯ มีรายได้รวม 2,308.22 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 34.19 ล้านบาท
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 พ.ค. 68)
