
นายสิทธิพล วิบูลย์ธนากุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาชน อภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ในกรณีของผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม หรืองบ SMEs ปี 69 โดยระบุว่า ไม่สามารถสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ฉบับนี้ได้ เนื่องจากรัฐบาลจัดงบช่วยเหลือ SMEs “ล่าช้า ซ้ำซ้อน นิ่งเฉย ซ้ำเติม” กล่าวคือ รัฐบาลช่วยเหลือ SMEs ได้ล่าช้า ใช้งบไม่ถูกจุด สิ่งที่ SMEs ต้องการ รัฐบาลกลับนิ่งเฉย ขณะเดียวกัน รัฐบาลกลับซ้ำเติมปัญหาของ SMEs ให้รุนแรงขึ้น
นายสิทธิพล กล่าวว่า วันนี้ SMEs เจอกับปัญหาเงินช็อต ชักหน้าไม่ถึงหลัง หนี้เพิ่มขึ้นเร็ว ธุรกิจที่ไม่เห็นทางเติบโต และต่างชาติหรือนอมินีก็เข้ามาแข่งขันอย่างไม่เป็นธรรม ซึ่งทั้งหมดสะท้อนให้เห็นว่า SMEs อยู่ในภาวะวิกฤต โดยเห็นได้ชัดจากสถานการณ์หนี้เสียของ SMEs ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานว่าไตรมาส 1/68 หนี้เสีย (NPL) ของ SMEs อยู่ที่ 7% ของสินเชื่อ SMEs
ประกอบกับ รัฐบาลได้ประกาศให้การช่วยเหลือ SMEs เป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ซึ่งนายกรัฐมนตรีเคยประกาศว่าจะปกป้อง SMEs จากกการแข่งขันไม่เป็นธรรม จะช่วยแก้ปัญหาหนี้ SMEs แต่สถานการณ์ SMEs ที่ผ่านมาถือเป็นการสะท้อนความล้มเหลวของรัฐบาลในการช่วย SMEs โดยสิ่งที่ผู้ประกอบการ SMEs รู้สึกจับต้องได้มากที่สุด กลับเป็นเรื่องการเก็บภาษี SMEs จึงคล้ายกับว่าเป็นเคราะห์ซ้ำกรรมซัด
นายสิทธิพล ระบุว่า งบประมาณที่เกี่ยวข้องกับ SMEs ในปีงบประมาณ 69 รวม 4,196 ล้านบาท ซึ่งพบว่ามีการจัดงบที่ล่าช้า เนื่องจากรัฐบาลได้ทำแผนงบช่วย SMEs ปี 67 ไว้ที่ 5 พันล้านบาท โดยให้เหตุผลว่าเพื่อนำไปทำ Matching Fund อย่างเร่งด่วน แต่กลับพบว่ายังไม่ได้นำงบดังกล่าวไปใช้ เพราะมีการทบทวนรูปแบบของการอนุมัติวงเงิน ถือเป็นค่าเสียโอกาสของประชาชน พร้อมกับแนะนำรัฐบาลว่า หากต้องการช่วย SMEs รายเล็ก ควรไปกำกับบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ให้พุ่งเป้าช่วยเหลือผู้ประกอบการรายเล็กภายใต้วงเงินเท่าเดิม ก็ช่วยผู้ประกอบได้มากขึ้น
นายสิทธิพล กล่าวถึงปัญหาการจัดงบซ้ำซ้อน เนื่องจากงบ SMEs กระจายอยู่ใน 31 หน่วยงาน แต่ SMEs กลับเข้าไม่ถึง เพราะงบประมาณ 4,196 ล้านบาท ครอบคลุม SMEs ไม่ถึง 2 แสนคน หรือเพียง 6% ของ SMEs ทั้งประเทศ รวมถึงการใช้งบไม่ตอบโจทย์ เพราะ SMEs ต้องการงบเพื่อขยายตลาดมากขึ้นกว่านี้
“รัฐบาลจัดงบสำหรับอบรมระยะสั้นมากกว่า รวมถึงโครงการ SME ONE ID เป็นโครงการที่จะเป็นศูนย์กลางช่วยเหลือ SMEs ให้เข้าถึงบริการของรัฐแบบเบ็ดเสร็จ ไม่ต้องลงทะเบียนซ้ำซ้อน แต่สุดท้าย คนที่เข้าไปใช้ประโยชน์มีไม่ถึง 10% อีกทั้ง SMEs ที่เข้ามาใช้บริการแล้ว มีการสะท้อนว่า โครงการนี้กลับไม่ได้ประโยชน์ เพราะระบบแย่ ลงทะเบียนยาก ซึ่งสิ่งที่รัฐบาลควรทำ คือเป็นเจ้าภาพในการเชื่อมข้อมูลกับ บสย. เพราะ บสย. มีฐานข้อมูล SMEs กว่า 8 แสนราย” นายสิทธิพล ระบุ
นายสิทธิพล กล่าวว่า ปัญหาถัดมาคือรัฐนิ่งเฉย เพราะ SMEs เผชิญปัญหาหลายอย่าง แต่รัฐบาลกลับจัดงบไม่ตอบโจทย์ความท้าทายใหม่ ๆ ทั้งปัญหาใหม่ และปัญหาเก่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปัญหาสงครามการค้า ซึ่งในงบปี 69 ส่วนใหญ่มีการจัดทำโครงการไว้ก่อนที่สหรัฐฯ จะขึ้นภาษี และเป็นที่มาที่พรรคประชาชนทักท้วงมาตลอดว่า อยากให้มีการจัดงบใหม่ เพื่อให้สามารถตอบโจทย์สงครามการค้า เมื่อรัฐบาลไม่ทบทวนก็พบว่าหลายโครงการเหมือนปีก่อน ๆ
ดังนั้น แนะนำให้รัฐบาลมีการปรับปรุงโครงการ เพื่อตอบโจทย์สงครามการค้า โดยเข้าไปดูอุตสาหกรรมแต่ละเซกเตอร์ที่จะได้ผลกระทบเร่งด่วนจากการขึ้นภาษีสหรัฐฯ ทั้งกลุ่มอุตสาหกรรมทางตรง ที่เน้นส่งออกส่งสินค้าไปยังสหรัฐฯ และทางอ้อม ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ประเทศคู่แข่งโดนภาษีที่ต่ำกว่า
นายสิทธิพล กล่าวว่า ปัญหาของการจัดงบช่วย SMEs คือการซ้ำเติม ที่ผ่านมา SMEs ไม่โต เพราะเจอการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม และจากปัญหาสงครามการค้าทำให้ปัญหานี้หนักขึ้น เพราะสินค้าจากทุกประเทศจะไหลเข้ามาไทยมากขึ้น หลายสินค้าจะมีการทุ่มตลาด และได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ซึ่งไม่เป็นธรรมกับผู้ประกอบการไทย
“ไทยควรมีมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด ด้วยวิธีการคือถ้ามีสินค้าจากต่างชาติที่ราคาถูกผิดปกติ ไหลเข้ามาในประเทศ รัฐบาลสามารถขึ้นภาษีเพื่อชะลอการเข้ามาได้ ซึ่งจะช่วยสร้างความเป็นธรรม ช่วยผู้ประกอบการและปกป้องธุรกิจในประเทศไม่ให้ถูกขายตัดราคา” นายสิทธิพล ระบุ
พร้อมเห็นว่า รัฐบาลควรทบทวนการจัดงบประมาณเพื่อช่วยเหลือ SMEs โดยควรปรับเปลี่ยนให้ “รวดเร็ว ทันการณ์ ชัดเจน ทันคู่แข่ง” ด้วยการเลิกดองงบ นำไปแก้หนี้ เติมทุนให้ SMEs เร็วขึ้น ปรับโครงการให้ตอบโจทย์ความท้าทายใหม่ ๆ เช่น สงครามการค้า และความต้องการ SMEs จริง ๆ ทำให้ SMEs รายใหม่ เข้าถึงความช่วยเหลือมากขึ้น และต้องใช้มาตรการทางการค้าให้เท่าทันคู่แข่ง สร้างความเป็นธรรมให้ SMEs และทบทวนการความคุ้มค้าการใช้งบ ส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 พ.ค. 68)
Tags: SMEs, งบประมาณปี 69, งบประมาณรายจ่าย, พรรคประชาชน, สิทธิพล วิบูลย์ธนากุล