
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยในวันจันทร์ (2 มิ.ย.) ขณะที่การซื้อขายเป็นไปอย่างซบเซา หลังการค้าโลกกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง จากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ประกาศเตรียมขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจาก 25% เป็น 50% นอกจากนี้ สถานการณ์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีนก็กลับมาคุกรุ่นขึ้นอีก หลังประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวหาจีนว่าละเมิดข้อตกลงการค้าเบื้องต้นที่ทั้งสองฝ่ายทำร่วมกันที่กรุงเจนีวา ส่งผลให้จีนออกแถลงการณ์โจมตีกลับ ระบุสหรัฐฯ เป็นฝ่ายที่ไม่ทำตามข้อตกลง พร้อมทั้งประกาศเตรียมตอบโต้แข็งกร้าว
ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังชะลอการลงทุนเพื่อรอดูข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐฯ ตลอดทั้งสัปดาห์นี้ และทิศทางนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งจะแถลงมติอัตราดอกเบี้ยในวันที่ 5 มิ.ย.นี้ เวลา 19.15 น. ตามเวลาไทย
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,305.48 จุด เพิ่มขึ้น 35.41 จุด หรือ +0.08%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,935.94 จุด เพิ่มขึ้น 24.25 จุด หรือ +0.41% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,242.61 จุด เพิ่มขึ้น 128.85 จุด หรือ +0.67%
กระทรวงพาณิชย์จีนได้ออกแถลงการณ์เพื่อตอบโต้กรณีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กล่าวหาเมื่อวันที่ 30 พ.ค. ที่ผ่านมาว่า จีนไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงทวิภาคีเกี่ยวกับการทยอยลดภาษีนำเข้า โดยรัฐบาลจีนปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวว่า “ไม่มีมูลความจริง” พร้อมประกาศเตรียมใช้มาตรการตอบโต้ที่แข็งกร้าวเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง
ทางการจีนยืนยันว่า จีนได้ดำเนินการตามข้อตกลงร่วมที่เกิดขึ้นเมื่อกลางเดือนพ.ค. ณ กรุงเจนีวาอย่างจริงจังต่อเนื่อง ขณะที่สหรัฐฯ กลับใช้มาตรการกีดกันทางการค้าแบบเลือกปฏิบัติกับจีนหลายประการ โดยหนึ่งในมาตรการล่าสุดของสหรัฐฯ ได้แก่ การระงับการขายซอฟต์แวร์ออกแบบชิปให้จีน การออกข้อแนะนำใหม่ด้านการควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเพิกถอนวีซ่านักเรียนจีนบางส่วน ซึ่งจีนมองว่าเป็นการยั่วยุให้เกิดความตึงเครียดทางเศรษฐกิจและการค้าโดยฝ่ายเดียว และเป็นต้นเหตุของความไม่แน่นอนในความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ
แถลงการณ์ดังกล่าวจากกระทรวงพาณิชย์จีนมีขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์โพสต์ข้อความผ่าน Truth Social เมื่อวันศุกร์ กล่าวหาปักกิ่งว่า ละเมิดข้อตกลงยุติสงครามการค้าเป็นเวลา 90 วัน โดยคำกล่าวหาของปธน.ทรัมป์ดังกล่าวมีขึ้นเพียง 1 วัน หลังจากที่สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กล่าวว่าการเจรจาการค้ากับจีนประสบภาวะชะงักงัน
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ยังได้ประกาศในระหว่างการปราศรัยเมื่อวันศุกร์ที่โรงงานเหล็กของบริษัทยูเอส สตีล (US Steel) ในเมืองมอน วัลเลย์ รัฐเพนซิลเวเนีย ว่า สหรัฐฯ เตรียมเพิ่มภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจาก 25% เป็น 50% โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมภายในประเทศ
ทรัมป์กล่าวว่า มาตรการใหม่นี้จะช่วยรักษาความมั่นคงให้อุตสาหกรรมเหล็กของสหรัฐฯ และยังเสริมอีกว่าภาษีที่เพิ่มขึ้นจะครอบคลุมถึงผลิตภัณฑ์อะลูมิเนียมด้วย โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 4 มิ.ย.นี้
รายงานข่าวเกี่ยวกับการขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมนั้นกระทบหุ้นยานยนต์อย่างหนัก โดยหุ้น Ford ปรับตัวลดลง 3.85% และหุ้น General Motors ปรับตัวลดลง 3.87%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 มิ.ย. 68)
Tags: ดาวโจนส์, ตลาดหุ้นนิวยอร์ก