“พิชัย” ชี้รัฐพร้อมยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน เร่งดึงดูดการลงทุน ช่วยหนุนศก.ไทย

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “THAILAND TRANSFORMATION FOR THE NEXT DECADE : ทิศทางไทยในการปรับตัวสู่ทศวรรษใหม่” ในงานสัมมนา THAILAND C VISION SUMMIT 2025″ ว่า หากประเทศไทยยังอยู่กับโครงสร้างเศรษฐกิจแบบเดิม จะทำให้ไม่สามารถแข่งขันได้ โดยสิ่งหนึ่งที่ต้องเร่งดำเนินการ คือ เพิ่มสัดส่วนการลงทุนทั้งจากภาครัฐและเอกชน ซึ่งปัจจุบันภาพรวมการลงทุนหมุนเวียนในประเทศของไทยอยู่ที่ราว 20-24% ของมูลค่า GDP ที่ 19 ล้านล้านบาท แต่หากต้องการให้เศรษฐกิจไทยเติบโต จะต้องเร่งการลงทุนให้เพิ่มขึ้นเป็น 34% ดังนั้นจึงต้องเร่งสร้างแรงจูงใจ เพื่อดึงดูดเม็ดเงินลงทุนให้เพิ่มขึ้น

“เมื่อก่อน ไทยอาจจะ enjoy กับ GDP ที่โต 6-10% แต่ตอนนี้ GDP ลดลงมาเหลือ 3% เศษ ขณะที่การลงทุนเหลือ 20-24% เท่านั้น นั่นหมายความว่าระดับการลงทุนดังกล่าว แล้วเศรษฐกิจโตได้ถึง 3% ก็ถือว่าเก่งแล้ว แต่หากเราต้องการให้ GDP ยืนเหนือ 3% ให้ได้นั้น เราจะเป็นจะต้องเร่งสร้างแรงจูงใจให้เกิดการลงทุนมากกว่านี้ ในขณะที่นักลงทุนทั่วโลก ยังมองเห็นเสน่ห์ของการเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งถ้าเรายังเห็นสิ่งนี้ด้วย นั่นแปลว่าเราจะยิ่งต้องพยายามมากขึ้น โดยตัวเลขที่น่าสนใจคือ ไตรมาส 1/68 มีคำขอสนับสนุนการลงทุนเข้ามาแล้ว 6-7 แสนล้านบาท” นายพิชัย กล่าว

พร้อมระบุว่า สิ่งหนึ่งที่จะต้องเร่งดำเนินการเพื่อดึงดูดเม็ดเงินลงทุน คือ การยกระดับโครงสร้างการให้บริการของภาครัฐที่จะต้องมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนการลงทุนของภาคธุรกิจ อีกทั้งข้อได้เปรียบของไทย คือ ภูมิประเทศที่สามารถเชื่อมโยงการเดินทางได้ทั้งทางราง และทางรถยนต์ ติดกับทะเลทั้ง 2 ฝั่ง สามารถเชื่อมกับประเทศที่มีกำลังการผลิตใหญ่ 40% ซึ่งมีขนาดใหญ่เกือบที่สุดของโลก ถือเป็นข้อได้เปรียบสำคัญ

นอกจากนี้ มองว่า ประเทศไทยจะต้องเร่งลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อตอบสนองความต้องการของนักลงทุน โดยเฉพาะเรื่องค่าไฟฟ้า ที่ปัจจุบันค่าไฟฟ้าอยู่ที่ 4 บาท/หน่วย ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่าเป็นต้นทุนที่สูงเกินไป รวมถึงต้องเร่งผลักดันเรื่องพลังงานสีเขียว มุ่งเรื่อง Carbon Tax ต้องเตรียมความพร้อมเรื่องน้ำ เรื่อง Data Center ระบบโลจิสติกส์ที่ต้องเข้มแข็งมากขึ้น

“โดยเฉพาะระบบราง ต้องมีความชัดเจนว่าจะยังเดินหน้าผลักดันโครงการ EEC และโครงการรถไฟเชื่อม 3 สนามบินอย่างไร ต้องเร่งปลดล็อกเรื่องทรัพย์อิงสิทธิ์ การให้นักลงทุนสามารถเช่าที่ดินได้ยาว 99 ปี แต่ไม่ใช่สิทธิ์ความเป็นเจ้าของ เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นเกี่ยวกับสิทธิ์ในการใช้ที่ดิน ซึ่งในส่วนนี้ นักลงทุนจะสามารถต่อยอดในการนำสิทธิ์ดังกล่าว เพื่อไปขอสินเชื่อในระบบการเงินได้ด้วย” นายพิชัย ระบุ

ขณะเดียวกัน จำเป็นต้องเร่งเพิ่มคุณภาพบุคลากรเพื่อตอบโจทย์การเติบโตของดิจิทัลเทคโนโลยี รวมถึงต้องยกระดับด้านเกษตรกรรมจากปัจจุบันที่อยู่กับการเกษตรแบบเดิม ทำให้มีต้นทุนการผลิตสูง สภาพดินไม่ดี พืชพันธุ์ไม่ได้รับการดูแลให้ดีขึ้น ทำให้สินค้าเกษตรบางชนิดที่มีการส่งออกเมื่อหักต้นทุนแล้วพบว่า “ติดลบ” ตรงนี้จะต้องเข้าไปบริหารจัดการ ต้องปรับปรุงผลิตภาพการผลิตให้ดีขึ้น เพื่อให้ต้นทุนถูกลง และต้องผลักดันให้ก้าวไปสู่ไบโอเทคโนโลยี

ส่วนด้านการท่องเที่ยวนั้น ปีนี้ตั้งเป้านักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทย 38-39 ล้านคน แต่อย่างไรก็ดี พบว่าพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวเปลี่ยนไป ไม่ต้องการของหรู พักโรงแรมหรู แต่ต้องการพื้นที่สะอาด และปลอดภัย ดังนั้นผู้ประกอบการของไทยก็ควรจะปรับตัวในเรื่องนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่

ส่วนอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยเฉพาะ EV จะต้องมองให้ลึก เพราะต้องยอมรับว่าวัตถุดิบ โดยเฉพาะแบตเตอรี่ยังแพง ก็ต้องมาพิจารณาว่าจะจัดการกับส่วนนี้อย่างไร และต้องเชิญชวนอุตสาหกรรมรถยนต์แบบเก่าให้เปลี่ยนผ่านไปด้วยกัน

“ประเทศไทยจะต้องเตรียมความพร้อม ต้องมุ่งมั่น กล้าพูด และต้องปฏิบัติให้ได้ เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและความมั่นใจ หากไม่มีความเชื่อมั่น ก็เป็นไปไม่ได้ อาจจะต้องมานั่งดูปัญหาว่าเราจะเปลี่ยนผ่านอย่างไร แต่ยืนยันว่า รัฐบาลมีความมุ่งมั่นที่จะ Transform ประเทศไปสู่อนาคตที่ดีกว่า เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทย ผ่านนโยบายและการปฏิรูปต่าง ๆ ที่ตั้งอยู่บนความเชื่อมั่นว่าประเทศไทย และคนไทยมีศักยภาพที่พร้อมจะเติบโตหากกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจัง นี่เป็นแนวทาการทำงานหลักของรัฐบาล และกระทรวงการคลัง จะเดินหน้าทำงานต่อไปเพื่อให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างเข้มแข็ง ภายใต้ระบบการเงินที่แข็งแกร่ง” นายพิชัย ระบุ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 มิ.ย. 68)

Tags: , ,
Back to Top