
แอนโทนี อัลบาเนซี นายกรัฐมนตรีของออสเตรเลียกล่าวในวันนี้ (6 มิ.ย.) ว่า รัฐบาลของเขาจะไม่ผ่อนคลายกฎหมายความปลอดภัยทางชีวภาพ (biosecurity) แม้กำลังพิจารณายกเลิกข้อจำกัดการนำเข้าเนื้อวัวจากสหรัฐฯ ก็ตาม
ทั้งสถานีโทรทัศน์ ABC และหนังสือพิมพ์ในเครือ Nine Entertainment รายงานในวันนี้ว่า รัฐบาลพรรคแรงงานของอัลบาเนซีอาจใช้ข้อห้ามการนำเข้าเนื้อวัวบางประเภทที่ชำแหละในสหรัฐฯ เป็นเครื่องต่อรองเพื่อขอยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ
เมื่อถูกถามถึงรายงานข่าวดังกล่าว อัลบาเนซียืนยันว่า รัฐบาลจะไม่เจรจาในประเด็นความปลอดภัยทางชีวภาพ แต่ก็พร้อมเปิดทางหารือแนวทางที่ไม่กระทบต่อความปลอดภัยด้านอาหาร
“เราจะไม่มีวันผ่อนคลายกฎเกณฑ์ใด ๆ เกี่ยวกับความปลอดภัยทางชีวภาพ” เขากล่าวกับ ABC
ทั้งนี้ ออสเตรเลียได้ยกเลิกการห้ามนำเข้าเนื้อวัวจากสหรัฐฯ ทั้งหมดตั้งแต่ปี 2562 หลังจากสั่งห้ามมาตั้งแต่ปี 2546 แต่ข้อจำกัดการนำเข้ายังคงมีอยู่สำหรับเนื้อวัวที่มาจากวัวในแคนาดาหรือเม็กซิโกที่ถูกชำแหละในสหรัฐฯ
ในเดือนมี.ค. ที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่ากฎหมายความปลอดภัยทางชีวภาพที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าเนื้อวัวนั้นเป็นหนึ่งในประเด็นขัดแย้งทางการค้า ก่อนสหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษีในวันแห่งการปลดปล่อย (Liberation Day)
ทั้ง ABC และ Nine Entertainment รายงานตรงกันว่า เจ้าหน้าที่ออสเตรเลียเชื่อว่ากฎหมายความปลอดภัยทางชีวภาพอาจปรับเปลี่ยนได้บางส่วนเพื่อให้นำเข้าเนื้อวัวจากสหรัฐฯ ได้โดยไม่กระทบต่อความปลอดภัย
สำหรับประเด็นนี้เกิดขึ้นก่อนการประชุมระหว่างอัลบาเนซีและประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นนอกรอบเวทีการประชุมสุดยอดผู้นำ G7 ที่แคนาดา
มาร์ก บัตเลอร์ รัฐมนตรีสาธารณสุข ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะรัฐมนตรีของอัลบานีซี ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ Seven Network ว่า ข้อจำกัดในการนำเข้าเนื้อวัวอยู่ระหว่างการทบทวน “มาสักระยะหนึ่งแล้ว”
“นี่จะเป็นการตัดสินใจที่ยึดตามข้อเท็จจริง ไม่ใช่เพื่อความสะดวกหรือเพื่อการแลกเปลี่ยนทางการค้า เราจะตัดสินใจเพื่อผลประโยชน์ของชาติในเรื่องนี้” เขากล่าว
อัลบาเนซียังเปิดเผยกับ ABC ว่า เขาตั้งตารอการพบปะกับทรัมป์ และกล่าวอีกครั้งว่า นโยบายขึ้นภาษีของสหรัฐฯ เป็นการ “ทำร้ายเศรษฐกิจของตัวเอง”
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 มิ.ย. 68)
Tags: สหรัฐ, ออสเตรเลีย, เนื้อวัว, แอนโทนี อัลบาเนซี