STECON เด้งขึ้น 5% ขานรับคมนาคมชิงงบ 5.67 หมื่นลบ.จากกรอบขับเคลื่อนศก.1.57 แสนลบ.

STECON บวก 5.06% เพิ่มขึ้น 0.40 บาท มาที่ 8.30 บาท มูลค่าการซื้อขาย 68.83 ล้านบาท เมื่อเวลา 14.07 น. จากราคาเปิด 7.90 บาท ราคาสูงสุด 8.35 บาท และราคาต่ำสุด 7.70 บาท

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม ระบุว่า กระทรวงคมนาคมได้เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรวม 6 หน่วยงานรวม 56,666 ล้านบาท จากแผนขับเคลื่อนเศรษฐกิจวงเงิน 157,000 ล้านบาท โดยจะมุ่งเน้นโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม ส่วนใหญ่เป็นโครงการขนาดเล็กถึงกลางกรอบวงเงินตั้งแต่ 5-20 ล้านบาทต่อโครงการ สามารถดำเนินการได้ภายในปีเดียว ซึ่งจะต้องมีความพร้อมในการดำเนินการและเริ่มประมูลได้ทันทีเพื่ออัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว

ขณะที่ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) มีมุมมองว่างบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2569 ในส่วนงบประมาณโครงสร้างพื้นฐานคาดว่าจะได้เห็นแผนงานแบบ PPP เข้ามามากขึ้น เพื่อใช้ทุนของเอกชนในการพัฒนาเศรษฐกิจ และโครงการหลักๆยังที่จำเป็น อย่างด้านระบบโลจิสติกส์ เช่น มอเตอร์เวย์ M5 และ M9, สะพานข้ามทะเลสาปสงขลาและเกาะลันตา, โครงการรถไฟฟ้า เป็นต้น ด้านการท่องเที่ยว เช่น สุวรรณภูมิส่วนขยาย เมืองการบินอู่ตะเภา และด้านความมั่นคงทางอาหารเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรในการผลักดันการบริหารจัดการทรัพยากรน้า เช่น โครงการชลประทาน เป็นต้น

ปัจจุบันโครงการที่ ครม. อนุมัติแล้ว 4 โครงการ 1.รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีแดงเข้ม รังสิต-TU 2.รถไฟความเร็วสูง เฟส2 โคราช-หนองคาย 3.มอเตอร์เวย์ M5 และ M9 คาดประมูลได้ภายในปีนี้ แนวโน้มคาดว่าน่าจะยังเห็นโครงการออกมาเพิ่มเติมจากการโยกงบประมาณจากโครงการดิจิทัลวอลเล็ตมาในส่วนของคมนาคมเพื่อให้ทันต่องบประมาณปี 68 และการเร่งจัดสรรงบประมาณปี 69 ให้ทันงบประมาณใหม่ (1 ต.ค. 68) มีหลายปัจจัยบวกตามมาอย่างต่อเนื่อง แต่ราคาหุ้นอาจปรับตัวแตกต่างกันไปตามปัจจัยเฉพาะของบริษัทฯ สำหรับอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างในช่วงนี้ให้น้ำหนัก “ลงทุนมากกว่าตลาด”

โดยทางฝ่ายวิเคราะห์ ชอบ บมจ.สเตคอน กรุ๊ป [STECON] ภาพงานก่อสร้างเร่งตัวขึ้นต่อเนื่องในปีนี้ ไตรมาส 2/68 รับรู้งาน Bangkok mall ส่วน H2/68 รับรู้งานสาธารณูปโภค งานอาคาร และงานก่อสร้างศูนย์ Data center เบื้องต้นแนวโน้มไตรมาส2/68 กำไรสูงขึ้น YoY แต่ลดลง QoQ เนื่องจากไตรมาส 1/68 ได้ปันผลจาก GULF ส่วนภาพรวมปี 68 พลิกกลับมากำไร จากปีก่อนที่มีผลขาดทุน และยังมี upside จากการเปลี่ยนรถไฟฟ้าทั้ง 2 สายที่ปัจจุบันเป็นส่วนแบ่งขาดทุนอยู่ราว 600 ลบ./ปี ออกไปยังเงินลงทุนระยะยาว และรอรับเงินประกันซ่อมอุโมงค์บึงหนองบอนฯ บริษัทยังไม่เปิดเผยมูลค่า

ส่วนนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดสาย รูปแบบรัฐจะดำเนินการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วมอยู่ระหว่างแก้ไข พ.ร.บ.เพื่อนำเงินไปชดเชยส่วนต่างรายได้ให้แก่ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าสายต่างๆ คาดสามารถประกาศใช้ได้ภายในเดือน ก.ย.68 มองเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มธุรกิจรถไฟฟ้า ซึ่ง STECON ร่วมบริหารรถไฟฟ้า 2 สาย (เหลือง, ชมพู) ทำให้ปีนี้ภาพกลับมามีทิศทางที่ดีขึ้น ปัจจุบันราคาหุ้นปรับตัวขึ้นยืนรอ upside ใหม่ๆ ที่กำลังจะเข้ามา ราคาพื้นฐาน 8.25 บาท ปรับลดคำแนะนำเป็น “ทยอยซื้อ”

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 มิ.ย. 68)

Tags: , , ,
Back to Top