
สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ต่อจากเจอโรม พาวเวล ซึ่งจะหมดวาระการทำหน้าที่ประธานเฟดในเดือนพ.ค. 2569
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า เบสเซนต์เป็นหนึ่งในตัวเลือกเพียงไม่กี่คนที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะมอบหมายให้ดำรงตำแหน่งประธานเฟด โดยตัวเลือกอื่น ๆ นั้นรวมถึงเควิน วอร์ช อดีตเจ้าหน้าที่เฟดซึ่งเป็นผู้ที่ทรัมป์เคยสัมภาษณ์ในช่วงที่เฟ้นหาผู้ที่จะมารับตำแหน่งรัฐมนตรีคลัง
ปธน.ทรัมป์กล่าวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (6 มิ.ย.) ว่า เขาจะแต่งตั้งผู้สืบทอดตำแหน่งประธานเฟดต่อจากพาวเวลในเร็ว ๆ นี้ แต่ยังไม่มีการเริ่มต้นสัมภาษณ์ผู้ที่จะดำรงตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่อย่างเป็นทางการ
เบสเซนต์ถือเป็นแกนนำในการยกเครื่องระบบการค้าโลกครั้งใหญ่ของรัฐบาลทรัมป์ และมีส่วนร่วมในการผลักดันการเปลี่ยนแปลงด้านภาษีและกฎระเบียบ โดยเขาได้เข้าร่วมการเจรจาการค้ากับเหอ หลี่เฟิง รองนายกรัฐมนตรีจีน ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เมื่อวันที่ 12 พ.ค. จนนำไปสู่การทำข้อตกลงการค้าชั่วคราว โดยทั้งสองประเทศเห็นพ้องให้มีการปรับลดอัตราภาษีศุลกากรของแต่ละฝ่ายเป็นเวลา 90 วัน
ส่วนพาวเวลนั้น ดูเหมือนทรัมป์จะไม่พอใจกับการดำเนินนโยบายการเงินของประธานเฟดผู้นี้ โดยนับตั้งแต่เขากลับเข้าสู่ทำเนียบขาวในวาระสอง ทรัมป์เดินหน้ากดดันให้พาวเวลปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยอ้างว่าการที่เศรษฐกิจชะลอตัวลงเป็นเพราะสหรัฐฯ เผชิญภาวะอัตราดอกเบี้ยสูง
สำหรับเหตุการณ์ที่ทำให้ทรัมป์ขุ่นเคืองใจอย่างมากคือเมื่อครั้งที่พาวเวลได้แสดงความเห็นในงานเสวนาของสมาคมเศรษฐกิจแห่งชิคาโก (Economic Club of Chicago) เมื่อวันที่ 16 เมษายนว่า การที่รัฐบาลทรัมป์เรียกเก็บภาษีศุลกากรในอัตราที่สูงเกินคาดนั้น อาจทำให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นและจะส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัวลง อีกทั้งเตือนว่ามาตรการดังกล่าวของทรัมป์อาจส่งผลกระทบต่อภารกิจ Dual Mandate ของเฟด โดยภารกิจดังกล่าวคือการทำให้การจ้างงานขยายตัวอย่างเต็มศักยภาพและอัตราเงินเฟ้อเคลื่อนตัวสู่เป้าหมายที่ระดับ 2%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 มิ.ย. 68)
Tags: ธนาคารกลางสหรัฐ, สก็อตต์ เบสเซนต์, เจอโรม พาวเวล, เฟด