ดาวโจนส์ปิดบวก 101.85 จุด เงินเฟ้อต่ำหนุนคาดเฟดหั่นดอกเบี้ย

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี (12 มิ.ย.) หลังสหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ และมีความหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทออราเคิล (Oracle)

  • ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,967.62 จุด เพิ่มขึ้น 101.85 จุด หรือ +0.24%,
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,045.26 จุด เพิ่มขึ้น 23.02 จุด หรือ +0.38% และ
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,662.48 จุด เพิ่มขึ้น 46.61 จุด หรือ +0.24%

ดัชนี PPI ที่ออกมาต่ำกว่าคาด และตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานที่บ่งชี้ถึงการชะลอตัวของตลาดแรงงานสหรัฐฯ ช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่เป็นผลมาจากมาตรการภาษีศุลกากร และยังทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 60% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนก.ย.

ทั้งนี้ ดัชนี PPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต เพิ่มขึ้น 2.6% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายปี สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PPI เพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนพ.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.2%

ส่วนดัชนี PPI พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 3.0% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 3.1% และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PPI พื้นฐาน ปรับตัวขึ้น 0.1% ในเดือนพ.ค. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 0.3%

ขณะที่ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสหรัฐฯ ทรงตัวที่ระดับ 248,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 244,000 ราย

หุ้น 8 ใน 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคและกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้น 1.26% และ 1.01% ตามลำดับ ส่วนหุ้นกลุ่มบริการด้านการสื่อสารและกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยปรับตัวลง 0.59% และ 0.41% ตามลำดับ

หุ้นออราเคิล ทะยานขึ้น 13.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาด และได้ปรับเพิ่มคาดการณ์รายได้รายปี โดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งของการบริการด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI)

หุ้นบริษัทเหมืองทองคำที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ พุ่งขึ้นหลังจากราคาทองคำทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ โดยหุ้นนิวมอนท์ (Newmont) พุ่งขึ้น 4.9% หุ้นฮาร์โมนี โกลด์ (Harmony Gold) พุ่งขึ้น 4.1% และหุ้นแองโกลโกลด์ อาชานตี (AngloGold Ashanti) ทะยานขึ้น 6.4%

หุ้นโบอิ้ง (Boeing) ร่วงลง 4.8% หลังจากเครื่องบินโบอิ้ง 787 Dreamliner ของสายการบินแอร์อินเดียซึ่งมีผู้โดยสารบนเครื่อง 242 ราย ประสบอุบัติเหตุตก หลังบินขึ้นจากสนามบินในเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราตของอินเดียเพียงไม่กี่นาที โดยมีปลายทางอยู่ที่ท่าอากาศยานลอนดอนแกตวิกในสหราชอาณาจักร รายงานล่าสุดระบุว่ามีผู้รอดชีวิต 1 รายจากเที่ยวบินนี้

นักลงทุนยังคงติดตามสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางอย่างใกล้ชิด โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า บุคลากรของสหรัฐฯ กำลังถูกเคลื่อนย้ายออกจากตะวันออกกลางเนื่องจากภูมิภาคแห่งนี้เป็นสถานที่อันตราย พร้อมกับกล่าวว่าสหรัฐฯ จะไม่ยอมให้อิหร่านครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ ในขณะที่อิหร่านยืนกรานว่าจะเดินหน้าโครงการเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียม

เจ้าหน้าที่อิหร่านและสหรัฐฯ มีกำหนดพบปะกันที่ประเทศโอมานในวันอาทิตย์นี้ (15 มิ.ย.) เพื่อเจรจาประเด็นนิวเคลียร์รอบที่ 6 ขณะที่มีรายงานว่า อิสราเอลเตรียมโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน หากการเจรจาระหว่างอิหร่านและสหรัฐฯ ประสบความล้มเหลว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 มิ.ย. 68)

Tags: , , ,
Back to Top