บริษัทเดินเรือเริ่มหลีกเลี่ยงช่องแคบฮอร์มุซ กังวลศึกอิสราเอล-อิหร่านยืดเยื้อ

สภาการเดินเรือทะเลบอลติกและระหว่างประเทศ (BIMCO) ซึ่งเป็นสมาคมการเดินเรือที่ใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยว่า บริษัทเดินเรือบางแห่งกำลังเลือกที่จะหลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นเส้นทางที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ สะท้อนให้เห็นว่าอุตสาหกรรมการเดินเรือมีความกังวลมากขึ้นต่อสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่านที่ทวีความรุนแรงในขณะนี้

จาคอป ลาร์เซน หัวหน้าฝ่ายความปลอดภัยของ BIMCO กล่าวว่า ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่านดูเหมือนจะทวีความรุนแรงขึ้น ทำให้เกิดความกังวลในหมู่บริษัทเดินเรือ และส่งผลให้จำนวนเรือที่แล่นผ่านช่องแคบฮอร์มุซลดน้อยลง

ขณะที่เอสแอนด์พี โกลบอล มาร์เก็ต อินเทลลิเจนซ์ (S&P Global Market Intelligence) ระบุว่า มีสัญญาณบ่งชี้ว่ากลุ่มบริษัทเดินเรือกำลังเริ่มหลีกเลี่ยงการเดินเรือผ่านช่องแคบฮอร์มุซในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยไม่ได้ระบุชื่อบริษัทใดอย่างเจาะจง

อิสราเอลได้เปิดฉากโจมตีโครงสร้างพื้นฐานทางทหารและนิวเคลียร์ของอิหร่านอย่างไม่คาดคิดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (13 มิ.ย.) และอิหร่านได้ตอบโต้ด้วยการโจมตีอิสราเอล ส่งผลให้การสู้รบของทั้งสองประเทศยืดเยื้อเข้าสู่วันที่หกแล้ว โดยความขัดแย้งดังกล่าวทำให้บริษัทเดือนเรือต่างเพิ่มความระมัดระวังทั้งในทะเลแดง และช่องแคบฮอร์มุซ

ทั้งนี้ ช่องแคบฮอร์มุซถือเป็นประตูสำคัญสู่อุตสาหกรรมน้ำมันโลก และเป็นจุดขาเข้าที่สำคัญสำหรับเรือบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ที่มุ่งหน้าสู่ท่าเรือเจเบลอาลี (Jebel Ali Port) ซึ่งเป็นท่าเรือขนาดใหญ่ของดูไบ นอกจากนี้ ช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเชื่อมอ่าวเปอร์เซียกับทะเลอาหรับ ยังถูกมองว่าเป็นหนึ่งในจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่สุดสำหรับการขนส่งน้ำมันของโลก

สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ ระบุว่า ในปี 2566 ปริมาณการขนส่งน้ำมันผ่านช่องแคบฮอร์มุซโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 20.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 20% ของการใช้น้ำมันทั่วโลก

การที่เรือเดินสินค้าไม่สามารถขนส่งน้ำมันผ่านช่องแคบฮอร์มุซได้ แม้จะเป็นเพียงชั่วคราว แต่ก็อาจส่งผลให้ราคาน้ำมันทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้น เพิ่มต้นทุนการขนส่ง และทำให้การจัดหาสินค้าเกิดความล่าช้าอย่างมีนัยสำคัญ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 มิ.ย. 68)