
คลิปหลุดเสียงน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สนทนาแบบส่วนตั๊วส่วนตัวกับสมเด็จฮุนเซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ถูกปล่อยออกมาจนทำให้รัฐบาล “เพื่อไทย” เซไม่เป็นท่า ทั้งที่กำลังขึ้นเป็นฝ่ายได้เปรียบทางการเมืองด้วยการใช้เงื่อนไขการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) คุมเกมในรัฐบาล กลับกลายเป็นชนวนสำคัญที่เขย่าเสถียรภาพให้สั่นคลอนอย่างรุนแรง ทำให้สังคมออกมาบีบให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ออกมาแสดงความรับผิดชอบ เพราะกังวลว่าอาจกลายเป็นเงื่อนไขที่นำไปสู่การรัฐประหาร
นายธนพร ศรียากูล ผู้อำนวยการสถาบันวิเคราะห์นโยบายและการเมือง มองเหตุการณ์ในครั้งนี้ว่า ถือเป็นความผิดพลาดร้ายแรงเกินไปกว่าการออกมากล่าวคำขอโทษ หากนายกรัฐมนตรียังอยู่ในตำแหน่งจะส่งผลให้การแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชาขาดเอกภาพ เพราะขาดความไว้วางใจ และอาจถูกยกระดับข้อกล่าวหาไปสู่การเป็นทรราชย์
เนื้อหาสาระในการสนทนา ถูกมองว่าเป็นการทำลายเกียรติภูมิของประเทศชาติ และนำความลับทางยุทธการไปเปิดเผยต่อคู่กรณี ซึ่งไม่ได้เป็นประเด็นที่จะนำไปเจรจาต่อรองเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างกัน ซึ่งนายกรัฐมนตรีควรต้องแสดงความรับผิดชอบต่อผลประโยชน์ต่อประเทศชาติเป็นหลัก
“หากนายกรัฐมนตรียังอยู่ในตำแหน่งจะส่งผลให้การแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย- กัมพูชาขาดเอกภาพ เพราะขาดความไว้วางใจ และยกระดับข้อกล่าวหาไปสู่การเป็นทรราชย์” นายธนพร กล่าว
ส่วนการที่พรรคเพื่อไทย (พท.) ออกมาเคลื่อนไหวว่าอาจกระทบกับการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งกับกัมพูชาที่กำลังดำเนินไปอย่างเข้มต้นนั้น นายธนพร มองว่า การเปลี่ยนแปลงตัวผู้นำรัฐบาลไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะในช่วงสงครามโลกอังกฤษก็เคยเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี หรือกรณีของออสเตรเลียก็เคยเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีในช่วงสงครามมหาเอเชียบูรพา
ขณะที่การแก้ไขปัญหาความขัดแย้งไทย-กัมพูชาต้องใช้ระยะเวลา แต่การเปลี่ยนผ่านทางประชาธิปไตยต้องมีความต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยมีความน่าเชื่อถือในสายตานานาชาติมากกว่ากัมพูชาที่เป็นระบอบประชาธิปไตยแบบครอบครัว หรือประชาธิปไตยแต่เปลือก
“ถ้านายกฯ ลาออกแล้วปล่อยให้เป็นไปตามกลไกรัฐสภาก็ยังมีความทรงจำดี ๆ ไม่เช่นนั้นก็จะมีข้อกล่าหาถาโถมเข้ามา” นายธนพร กล่าว
หากน.ส.แพทองธาร ตัดสินใจลาออก คำถามใหญ่ที่ตามมาคือ ใครจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป? ตามรัฐธรรมนูญและหลักปฏิบัติทางการเมือง หากนายกรัฐมนตรีลาออก รัฐสภาจะต้องดำเนินขั้นตอนการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่จากบัญชีผู้ได้รับเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีของแต่ละพรรคการเมืองในช่วงที่มีการเลือกตั้งครั้งล่าสุด
ในสถานการณ์ปัจจุบัน หากพรรคเพื่อไทยยังคงเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และต้องการสานต่อแนวทางการบริหารประเทศ ก็อาจต้องพิจารณาเสนอชื่อบุคคลที่อยู่ในบัญชีนายกรัฐมนตรีของพรรคที่เหลืออยู่ หรือพรรคการเมืองอื่น ๆ ก็มีสิทธิแคนดิเดทของตนเองเช่นกัน หากมีการสลับขั้ว รื้อกระดานตั้งรัฐบาลผสมกันใหม่ ยกเว้นพรรคก้าวไกลที่ถูกยุบไปแล้วทำให้ไม่มีโอกาสเสนอชื่อแคนดิเดทนายกฯได้
สำหรับบุคคลที่อยู่บัญชีแคนดิเดทของพรรคการเมืองใหญ่ ได้แก่
- พรรคเพื่อไทย > น.ส.แพทองธาร ชินวัตร และนายชัยเกษม นิติสิริ
- พรรคภูมิใจไทย > นายอนุทิน ชาญวีรกูล
- พรรคพลังประชารัฐ > พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
- พรรครวมไทยสร้างชาติ > พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค
- พรรคประชาธิปัตย์ > นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 มิ.ย. 68)