
จากการติดตามและวิเคราะห์โพสต์บน X ที่ติดแฮชแท็ก #แพทองธารชินวัตร, #ไทยกัมพูชา, #นายกรัฐมนตรี และ #เพื่อไทย ระหว่างวันที่ 18-19 มิถุนายน 2568 โดยบริษัท ดาต้าเซ็ต จำกัด และใช้เครื่องมือ DXT360 Analytics เพื่อดูปฏิกิริยาของประชาชนชาวโซเชียลในช่วงแรกหลังเหตุการณ์เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2568 ที่นายฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้ออกมายืนยันว่าคลิปเสียงสนทนาระหว่างตนเองกับนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ที่เผยแพร่ในวันเดียวกันนั้นเป็นของจริง โดยเปิดเผยว่าได้บันทึกการสนทนาทางโทรศัพท์กับนายกฯ แพทองธาร และส่งต่อคลิปดังกล่าวให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลกัมพูชาถึง 80 คน เหตุการณ์นี้ได้จุดชนวนให้เกิดกระแสถกเถียงอย่างรุนแรงในโลกออนไลน์ เริ่มแรกมีการเผยแพร่คลิปความยาว 9 นาที ซึ่งเป็นการตัดมาจากคลิปเต็มยาว 17 นาที แต่ไม่นานหลังจากนั้นคลิปเต็มก็ถูกเผยแพร่ออกมา กลายเป็นประเด็นที่สะเทือนวงการเมืองไทยในทันที
นอกจากข้อมูลจาก X แล้ว ยังนำข่าวจากสื่อต่าง ๆ มาประกอบการวิเคราะห์เพื่อให้เห็นภาพรวมที่ชัดเจนยิ่งขึ้นนั้น พบทั้งความคิดเห็นเชิงลบและเชิงบวก ตลอดความเห็นที่เป็นกลาง
ความคิดเห็นเชิงลบที่พบ ได้แก่ การวิพากษ์วิจารณ์การดำเนินการทางการทูตของนายกฯ แพทองธาร โพสต์จำนวนมากแสดงความไม่พอใจต่อเนื้อหาในคลิปเสียงของนายกฯ แพทองธาร โดยเฉพาะการที่นายกฯ แพทองธารกล่าวถึง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ว่าอยู่ “ฝั่งตรงข้าม” ผู้ใช้โซเชียลมีเดียมองว่าเป็นความล้มเหลวในการให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของชาติ พร้อมทั้งวิพากษ์วิจารณ์นายกฯ แพทองธาร ที่ขอความช่วยเหลือจากฮุน เซน ท่ามกลางความตึงเครียดภายในประเทศ และเรียกร้องให้นายกฯ แพทองธารลาออกจากตำแหน่ง และมีการทวีตระบุว่านายกฯ แพทองธารได้ตกหลุมพรางของ “เสือเฒ่า” พร้อมเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่งหรือยุบสภา
คลิปเสียงสนทนาดังกล่าวถูกมองว่าสะท้อนถึงการขาดความเป็นมืออาชีพทางการทูต ผู้ใช้แพลตฟอร์ม X และนักวิเคราะห์บางส่วนแสดงความเห็นว่าเหตุการณ์นี้ทำลายอธิปไตยของไทยและความน่าเชื่อถือของนายกฯ แพทองธาร รวมทั้งมีการทวีตว่าเหตุการณ์ครั้งนี้อาจพารัฐบาลพรรคเพื่อไทยไปสู่จุดที่ไม่อาจย้อนกลับได้
การเรียกร้องความรับผิดชอบทางการเมือง:
นายกฯ แพทองธารเผชิญแรงกดดันอย่างหนักให้แสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกหรือยุบสภา นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ได้โพสต์เฟซบุ๊กเรียกร้องให้นายกฯ แพทองธารยุบสภาเพื่อคืนอำนาจให้ประชาชนได้ตัดสินใจกันใหม่ว่าต้องการรัฐบาลแบบใด โดยมองว่าคลิปเสียงสนทนาดังกล่าวเป็นวิกฤตการณ์ครั้งสำคัญสำหรับทั้งพรรคเพื่อไทยและประชาธิปไตยไทย
- ภูมิใจไทย ออกแถลงการณ์ ประกาศถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลเพื่อไทย
- ไทยสร้างไทย ออกแถลงการณ์ ขอให้นายกฯ แพทองธาร แสดงความรับผิดชอบด้วยการ “ลาออก” จากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
นอกจากนี้ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ได้ยื่นหนังสือต่อ กกต. ในวันนี้ (19 มิ.ย. 68) เพื่อขอให้ตรวจสอบนายกฯ แพทองธารว่ามีความไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์หรือไม่ ซึ่งอาจเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (4) และอาจเป็นเหตุให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามมาตรา 170 (4)
ภาพสะท้อนความไม่ไว้วางใจในความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชา:
การที่ฮุน เซน ยอมรับว่าได้บันทึกเสียงและแชร์ต่อให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลกัมพูชา 80 คน ถูกมองว่าเป็นการละเมิดพิธีการทางการทูต ไทยพีบีเอสรายงานว่าเหตุการณ์ดังกล่าวได้สร้างรอยร้าวทางการทูตระหว่างสองประเทศ ขณะที่การที่นายกฯ แพทองธาร กล่าวหาฮุน เซนว่า “เล่นการเมืองไม่มืออาชีพ” ยิ่งเป็นการเพิ่มเชื้อไฟให้กับวิกฤตความสัมพันธ์นี้
โพสต์บางส่วนแสดงความกังวลว่าการเผยแพร่คลิปเสียงสนทนาเป็นการเคลื่อนไหวที่คิดคำนวณแล้วของ ฮุน เซนเพื่อทำลายเสถียรภาพของรัฐบาลไทย
ส่วนความเห็นเชิงบวกนั้น กลุ่มผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทยได้ออกมาปกป้องนายกฯ แพทองธาร โดยให้เหตุผลว่าคำพูดดังกล่าวเป็นความพยายามลดความตึงเครียดและแสวงหาความเข้าใจร่วมกันกับฮุน เซน เพื่อรักษาประโยชน์สูงสุดของประเทศ
ในการแถลงข่าวด่วนเมื่อวาน (18 มิ.ย. 68) นายกฯ แพทองธาร ได้ชี้แจงว่าคำพูดที่พาดพิงถึงแม่ทัพภาคที่ 2 และกองทัพเป็น “เทคนิคการเจรจา” เพื่อทำให้ฮุน เซนสงบลง หลังจากได้รับรายงานว่าฮุน เซน มีความไม่พอใจต่อคำพูดของแม่ทัพภาคที่ 2 แม้ว่าผู้สนับสนุนบางส่วนจะเห็นด้วยว่าเป็นการพูดเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้ง แต่ความเห็นในลักษณะนี้ไม่ได้รับการตอบรับมากนักในโซเชียลมีเดีย
ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่รุนแรง มีเสียงเรียกร้องความยับยั้งชั่งใจปรากฏขึ้นในโซเชียลมีเดียบ้าง แม้จะเป็นเพียงส่วนน้อยของการแสดงความคิดเห็นโดยรวม ผู้ใช้กลุ่มนี้โพสต์ข้อความเสนอว่าสังคมไทยควรหันมาให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทชายแดนที่เป็นประเด็นหลัก แทนที่จะมุ่งเน้นไปที่การโจมตีทางการเมือง พร้อมกับเรียกร้องให้คนไทยใช้ความยับยั้งชั่งใจและรวมตัวกันเพื่อผลประโยชน์ของชาติ
ความเห็นเป็นกลาง
โพสต์ของไทยพีบีเอสมุ่งเน้นการรายงานข้อเท็จจริง เช่น การแถลงข่าวของแพทองธารและการยืนยันของ ฮุน เซนเรื่องการบันทึกเสียง สะท้อนจุดมุ่งหมายเพื่อให้ข้อมูลมากกว่าการชี้นำความคิด
ประเด็นสำคัญและข้อสังเกต
ความไม่มั่นคงทางการเมือง: คลิปเสียงสนทนาได้ทำให้ความตึงเครียดที่มีอยู่แล้วในภูมิทัศน์การเมืองไทยปัจจุบันรุนแรงยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสัมพันธ์ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพันธมิตรในรัฐบาลอย่างพรรคภูมิใจไทย รวมถึงความสัมพันธ์กับกองทัพ
ผลกระทบทางการทูต: การกระทำของฮุน เซน ในการอัดเสียงและเผยแพร่คลิปเสียงสนทนาถูกประณามอย่างกว้างขวางว่าผิดจรรยาบรรณ แต่ความสนใจยังคงมุ่งไปที่การเดินเกมส์ผิดของนายกฯ แพทองธาร เหตุการณ์นี้ทำให้ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาที่ตึงเครียดอยู่แล้วเนื่องจากข้อพิพาทชายแดนแย่ลง พร้อมความกังวลว่าสถานการณ์อาจบานปลาย
ความเชื่อมั่นของประชาชนที่ถดถอย: กระแสความรู้สึกที่เด่นชัดคือความผิดหวัง โดยผู้คนจำนวนมากมองว่าคลิปเสียงสนทนานี้เป็นหลักฐานของความไร้ประสบการณ์และความอ่อนแอของนายกฯ แพทองธาร แม้แต่ผู้สนับสนุนของพรรคเพื่อไทย ยังตกที่นั่งลำบากในการหักล้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่ว่าเหตุการณ์นี้ได้ทำลายภาพลักษณ์ของประเทศไทยในเวทีระหว่างประเทศ
การวิพากษ์วิจารณ์ที่เกี่ยวข้องกับเพศสภาพ: แม้จะไม่ชัดเจนในโพสต์ส่วนใหญ่ แต่การวิเคราะห์บางส่วนชี้ว่าสถานะของนายกฯ แพทองธารในฐานะผู้นำหญิงอายุน้อย อาจทำให้เธอถูกจับตามองมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้คำพูดที่ไม่เป็นทางการในการสนทนา เช่น การเรียกฮุน เซนว่า “Uncle” ซึ่งถูกวิจารณ์อย่างหนักว่าไม่เป็นมืออาชีพ
กล่าวโดยสรุปแล้ว การเผยแพร่คลิปบทสนทนาโดยฮุน เซนได้สร้างกระแสความรู้สึกเชิงลบอย่างท่วมท้นในโลกออนไลน์ เสียงเรียกร้องให้นายกฯ แพทองธาร ลาออกหรือยุบสภาเนื่องจากความผิดพลาดทางการทูตและการเมืองได้แพร่กระจายอย่างกว้างขวาง
การวิพากษ์วิจารณ์ครอบครองพื้นที่ส่วนมากของการสนทนาออนไลน์ โดยมุ่งเป้าไปที่คำพูดของนายกฯ แพทองธารเกี่ยวกับกองทัพไทย และการแสดงความใกล้ชิดกับฮุน เซนที่ถูกมองว่าไม่เหมาะสม ในขณะที่ผู้สนับสนุนซึ่งมีจำนวนน้อยกว่ามาก พยายามเน้นย้ำถึงเจตนารมณ์ที่แท้จริงของนายกฯ ในการรักษาสันติภาพ เหตุการณ์ครั้งนี้ได้สั่นคลอนความมั่นคงทางการเมืองของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยอย่างรุนแรง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 มิ.ย. 68)