“สตาร์บัคส์” ปัดข่าวเล็งขายกิจการทั้งหมดในจีน ยืนยันยังไม่ได้พิจารณา

สตาร์บัคส์ (Starbucks) เชนร้านกาแฟสัญชาติอเมริกัน ออกมาปฏิเสธรายงานข่าวที่ว่าบริษัทกำลังพิจารณาขายกิจการทั้งหมดในประเทศจีน โดยยืนยันว่าบริษัทยังไม่มีการพิจารณาเรื่องดังกล่าวในขณะนี้

แถลงการณ์ดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ไฉซิน (Caixin) นิตยสารการเงินของจีน รายงานเมื่อวันจันทร์ (23 มิ.ย.) โดยอ้างแหล่งข่าวว่า สตาร์บัคส์ได้เจรจาเบื้องต้นกับผู้ที่อาจเข้าซื้อกิจการแล้วกว่า 10 ราย แต่แหล่งข่าวไม่ได้ระบุว่าสินทรัพย์ส่วนใดที่จะถูกขาย

“เราขอยืนยันว่าในขณะนี้สตาร์บัคส์ยังไม่ได้พิจารณาที่จะขายกิจการทั้งหมดในประเทศจีน” โฆษกของสตาร์บัคส์ระบุในแถลงการณ์

ข่าวดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงที่สตาร์บัคส์สูญเสียส่วนแบ่งการตลาดให้แก่คู่แข่งสัญชาติจีนที่มีราคาถูกกว่า เช่น ลัคอิน (Luckin) และคอตติ (Cotti) เนื่องจากผู้บริโภครัดเข็มขัดมากขึ้น

ยูโรมอนิเตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (Euromonitor International) ผู้ให้บริการวิจัยตลาด ระบุว่า ส่วนแบ่งการตลาดของสตาร์บัคส์ในจีนลดลงจาก 34% ในปี 2562 เหลือเพียง 14% ในปี 2567

แรงกดดันด้านราคายิ่งทวีความรุนแรงขึ้น เมื่อบริษัทอีคอมเมิร์ซขนาดใหญ่ในจีนเสนอเงินอุดหนุนแก่ผู้บริโภคเพื่อกระตุ้นธุรกิจจัดส่งอาหารและ “ค้าปลีกทันใจ” (instant retail) ซึ่งหมายถึงการจัดส่งภายในหนึ่งชั่วโมง เงินอุดหนุนและคูปองเหล่านี้ได้กดราคากาแฟให้ต่ำลงไปอีก ส่งผลให้ผู้บริโภคจ่ายเงินไม่ถึง 5 หยวนสำหรับกาแฟหนึ่งแก้วที่ส่งถึงประตูบ้าน

เมื่อต้นเดือนนี้ สตาร์บัคส์เพิ่งประกาศลดราคาครั้งประวัติศาสตร์ในจีน โดยลดราคาเครื่องดื่มเย็นบางรายการที่ไม่ใช่กาแฟลงเฉลี่ย 5 หยวน

ทั้งนี้ ในปี 2566 สตาร์บัคส์ได้เปิดศูนย์นวัตกรรมกาแฟ (Coffee Innovation Park) มูลค่า 1.5 พันล้านหยวน (209 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ที่เมืองคุนซาน โดยเป็นโรงคั่วกาแฟขนาด 80,000 ตารางเมตร ที่มีกำลังการผลิตกาแฟเพียงพอสำหรับร้านสตาร์บัคส์ทุกสาขาในจีน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 มิ.ย. 68)