
ผู้พิพากษาสหรัฐฯ มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวเมื่อวันอังคาร (24 มิ.ย.) มิให้รัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระงับเงินทุนที่จัดสรรแก่ 14 รัฐ ซึ่งรวมถึงแคลิฟอร์เนีย นิวยอร์ก อิลลินอยส์ และวอชิงตัน สำหรับโครงการโครงสร้างพื้นฐานสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV)
ผู้พิพากษาศาลแขวงสหรัฐฯ ทานา หลิน ในเมืองซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน วินิจฉัยว่า กลุ่มรัฐผู้ฟ้องร้องมีแนวโน้มจะชนะคดีที่กล่าวหาว่า รัฐบาลกลางกำลังระงับเงินทุนหลายพันล้านดอลลาร์อย่างผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นงบประมาณสำหรับสร้างสถานีชาร์จรถ EV
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนก.พ. กระทรวงคมนาคมสหรัฐฯ ได้สั่งระงับโครงการสถานีชาร์จรถ EV ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกฎหมายลดเงินเฟ้อ (Inflation Reduction Act) สมัยอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน พร้อมทั้งเพิกถอนการอนุมัติแผนการใช้จ่ายของรัฐต่าง ๆ ที่เคยให้ไว้
อย่างไรก็ดี คำวินิจฉัยของผู้พิพากษาหลินไม่ครอบคลุมถึงดิสตริกต์ออฟโคลัมเบีย มินนิโซตา และเวอร์มอนต์ ซึ่งยื่นฟ้องในกรณีเดียวกัน แต่ไม่ได้แสดงหลักฐานว่าจะได้รับความเสียหายในทันทีจากคำสั่งของกระทรวงคมนาคม
คำวินิจฉัยนี้จะมีผลบังคับใช้ใน 7 วัน เพื่อเปิดโอกาสให้รัฐบาลทรัมป์ยื่นอุทธรณ์และร้องขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งระงับคำวินิจฉัยนี้ไว้ก่อน
กลุ่มรัฐระบุในคำฟ้องว่า การระงับเงินทุนของรัฐบาลทรัมป์ “จะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อความสามารถของรัฐในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จที่จำเป็น เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงรถ EV ได้มากขึ้น ต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ลดมลพิษที่เป็นอันตราย และสนับสนุนเศรษฐกิจสีเขียวของรัฐ”
ผู้พิพากษาหลินระบุในคำวินิจฉัยว่า กลุ่มรัฐได้รับความเสียหายจากการเปลี่ยนนโยบายของรัฐบาลทรัมป์ เนื่องจากได้ทุ่มเททรัพยากรของตนเองเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน EV ไปแล้ว เพราะคาดหวังว่าจะได้รับเงินทุนสนับสนุนจากรัฐบาลกลาง
ผู้พิพากษาหลินเขียนว่า รัฐต่าง ๆ ได้เตรียมความร่วมมือกับภาคเอกชน เปิดประมูลโครงการ และจัดหาพื้นที่สำหรับสร้างโครงสร้างพื้นฐาน EV ไว้แล้ว ก่อนที่รัฐบาลทรัมป์จะตัดสินใจ “เพิกเฉยต่ออาณัติของรัฐสภา” ในเรื่องสถานีชาร์จรถ EV
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 มิ.ย. 68)