ข่าวกรองเผย สหรัฐฯ โจมตีไม่สำเร็จ ล้มเหลวทำลายล้างโรงงานนิวเคลียร์อิหร่าน

หน่วยข่าวกรองของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เปิดเผยผลการประเมินเบื้องต้นว่า ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯ ไม่สามารถทำลายขีดความสามารถด้านนิวเคลียร์ของอิหร่าน โดยทำให้โครงการนิวเคลียร์ล่าช้าไปเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น ซึ่งรายงานดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่ข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและอิหร่านซึ่งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทำหน้าที่เป็นคนกลางนั้น ยังคงอยู่ในภาวะที่เปราะบาง

ปธน.ทรัมป์กล่าวเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (21 มิ.ย.) ว่า กองทัพสหรัฐฯ ได้ทิ้งระเบิดขนาด 30,000 ปอนด์เข้าโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ 3 แห่งของอิหร่าน โดยทรัมป์อ้างว่าระเบิดสามารถทำลายโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านอย่างสิ้นซาก แต่ข้ออ้างดังกล่าวดูเหมือนจะขัดแย้งกับการประเมินเบื้องต้นของหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ

รายงานของหน่วยข่าวกรองด้านกลาโหมระบุว่า ปริมาณยูเรเนียมที่ได้รับการเสริมสมรรถนะแล้วของอิหร่านไม่ได้ถูกกำจัดออกไป และโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านซึ่งส่วนใหญ่อยู่ลึกลงไปใต้ดินนั้น อาจล่าช้าไปเพียงหนึ่งหรือสองเดือนหลังจากการโจมตีของสหรัฐฯ นอกจากนี้ รายงานดังกล่าวระบุว่าการโจมตีของสหรัฐฯ ในครั้งนี้ ทำให้ช่องทางเข้าของโรงงานนิวเคลียร์สองแห่งถูกเปิดออก แต่ไม่ได้ทำให้โครงสร้างใต้ดินพังทลายลง

ด้านทำเนียบขาวเปิดเผยว่า การประเมินของหน่วยข่าวกรอง “ผิดอย่างสิ้นเชิง” อย่างไรก็ดี คณะบริหารของปธน.ทรัมป์ได้แจ้งต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเมื่อวันอังคาร (24 มิ.ย.) ว่าการโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ได้ “ลดระดับความสามารถ” ของโครงการนิวเคลียร์อิหร่าน ซึ่งแตกต่างจากที่ปธน.ทรัมป์ได้ยืนยันก่อนหน้านั้นว่าโรงงานนิวเคลียร์ “ถูกทำลายอย่างสิ้นซาก”

ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ได้สั่งการให้กองทัพสหรัฐฯ ใช้ระเบิดทำลายบังเกอร์เพื่อโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ 3 แห่งของอิหร่าน ได้แก่ ฟอร์โด นาทานซ์ และอิสฟาฮาน เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา จากนั้นเมื่อวันจันทร์ ปธน.ทรัมป์ประกาศว่าอิหร่านและอิสราเอลบรรลุข้อตกลงหยุดยิง อย่างไรก็ดีมีรายงานว่า ทั้งอิหร่านและอิสราเอลยังคงโจมตีกันหลังจากนั้น ซึ่งทำให้ปธน.ทรัมป์ไม่พอใจ และเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายเคารพข้อตกลงดังกล่าว

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 มิ.ย. 68)