
นายกรัฐมนตรีวิกตอร์ ออร์บาน แห่งฮังการี ประกาศกร้าววันนี้ (27 มิ.ย.) ว่าจะมีการบังคับใช้ “ผลทางกฎหมาย” กับผู้ที่จัดหรือเข้าร่วมการเดินขบวน “บูดาเปสต์ไพรด์” (Budapest Pride) ในสุดสัปดาห์นี้ ท่าทีแข็งกร้าวดังกล่าวมีขึ้นแม้จะเผชิญเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากนานาชาติ และการยืนยันจากนายกเทศมนตรีกรุงบูดาเปสต์ที่จะเดินหน้าจัดงานต่อไป
การสั่งห้ามครั้งนี้มีขึ้นภายใต้กฎหมายที่รัฐสภาฮังการี ซึ่งพรรคฟิเดสซ์ (Fidesz) ของนายกฯ ออร์บานครองเสียงข้างมาก ผ่านเมื่อเดือนมี.ค. โดยให้อำนาจตำรวจสั่งห้ามการชุมนุมของกลุ่ม LGBTQ+ โดยอ้างว่าการคุ้มครองเด็กมีความสำคัญเหนือกว่าสิทธิในการชุมนุม ทั้งยังอนุญาตให้ตำรวจใช้กล้องตรวจจับใบหน้าเพื่อระบุตัวตนและสั่งปรับผู้เข้าร่วมได้
ท่าทีของรัฐบาลฮังการีได้จุดกระแสต่อต้านอย่างกว้างขวาง โดยเมื่อวันจันทร์ (23 มิ.ย.) สหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศส, เยอรมนี พร้อมด้วยอีก 30 ประเทศ ได้ออกแถลงการณ์สนับสนุนชุมชน LGBTQ+ ด้านนายกเทศมนตรีกรุงบูดาเปสต์ซึ่งมีแนวคิดเสรีนิยม ประกาศว่าเมืองจะรับเป็นเจ้าภาพจัดงานในฐานะ “การเฉลิมฉลองเสรีภาพของเทศบาล”
นายกฯ ออร์บานให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุของรัฐ ย้ำว่า “เราต่างก็เป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ผมขอแนะนำให้ทุกคนตัดสินใจเอาเองว่าต้องการสิ่งใด แต่ก็ต้องปฏิบัติตามกฎกติกา… และหากไม่ปฏิบัติตาม ก็ต้องยอมรับผลทางกฎหมายที่จะตามมาอย่างชัดเจน”
นายกฯ ออร์บานกล่าวเสริมว่า ตำรวจมีอำนาจในการสลายการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย แต่ฮังการีเป็น “อารยะประเทศ” และหน้าที่ของตำรวจคือการโน้มน้าวให้ประชาชนเคารพกฎหมาย
“เราเกิดมาในโลกนี้ไม่ใช่เพื่อจะทำให้ชีวิตของกันและกันยุ่งยากขึ้น แต่เพื่อจะทำให้ง่ายลงต่างหาก นี่คือแก่นแท้ของศาสนาคริสต์” นายกฯ ออร์บานกล่าว
ทางด้านเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ก็ได้เรียกร้องให้ทางการฮังการีอนุญาตให้มีการจัดพาเหรดไพรด์ ซึ่งนายกฯ ออร์บานได้เปรียบเปรยการกระทำดังกล่าวในการให้สัมภาษณ์ทางวิทยุว่า ไม่ต่างอะไรกับการรับคำสั่งจากกรุงมอสโกในยุคคอมมิวนิสต์
“นางมองฮังการีเป็นเพียงประเทศใต้ปกครอง ไม่ต่างจากที่มอสโกเคยทำ และคิดว่าตนเองสามารถสั่งการจากกรุงบรัสเซลส์ได้ว่าชาวฮังการีควรจะใช้ชีวิตอย่างไร ชอบอะไร หรือไม่ชอบอะไร” นายกฯ ออร์บานกล่าว
นักวิจารณ์มองว่าการสั่งห้ามครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามจำกัดเสรีภาพในระบอบประชาธิปไตยก่อนการเลือกตั้งทั่วไปในปีหน้า ซึ่งผลสำรวจล่าสุดชี้ว่า นายกฯ ออร์บานอาจต้องเผชิญการแข่งขันที่สูสี
ทั้งนี้ รัฐบาลออร์บานซึ่งครองอำนาจมากว่าทศวรรษ มีนโยบายส่งเสริมแนวคิดอนุรักษนิยม-คริสเตียนอย่างเข้มข้น และได้ผ่านกฎหมายหลายฉบับที่ส่งผลกระทบต่อสิทธิของกลุ่ม LGBTQ+
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 มิ.ย. 68)