
ธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (BIS) เปิดเผยรายงานประเมินภาวะเศรษฐกิจโลกครั้งล่าสุดในวันอาทิตย์ (29 มิ.ย.) ว่า สถานการณ์ตึงเครียดด้านการค้าและภูมิรัฐศาสตร์นั้น มีความเสี่ยงที่จะทำให้ระบบการเงินโลกเผชิญกับความไม่สอดคล้องกันในระดับที่ลึกขึ้น
ออกัสติน คาร์สเตนส์ ผู้บริหาร BIS กล่าวว่า สงครามการค้าที่เกิดขึ้นโดยมีสาเหตุมาจากสหรัฐฯ และการเปลี่ยนแปลงนโยบายอื่น ๆ กำลังบ่อนทำลายระเบียบเศรษฐกิจที่เคยมั่นคงมาอย่างยาวนาน พร้อมกับกล่าวว่าเศรษฐกิจโลกกำลังอยู่ในช่วงเวลาที่สำคัญในการเข้าสู่ “ยุคใหม่ของความไม่แน่นอนและการคาดเดาไม่ได้ที่เพิ่มขึ้น” ซึ่งกำลังทดสอบความไว้วางใจที่สาธารณชนมีต่อสถาบันต่าง ๆ รวมถึงธนาคารกลาง
คาร์สเตนส์กล่าวว่า การกีดกันทางการค้าและการแบ่งแยกทางการค้าที่เพิ่มขึ้นถือเป็นเรื่องที่น่ากังวลเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นการซ้ำเติมภาวะเศรษฐกิจและผลิตภาพที่ชะลอตัวลงมานานหลายทศวรรษ นอกจากนี้ยังมีหลักฐานบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจโลกมีความยืดหยุ่นต่อภาวะถดถอยน้อยลง โดยปัจจัยต่าง ๆ เช่น ประชากรสูงอายุ การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ภูมิรัฐศาสตร์ และปัญหาห่วงโซ่อุปทาน ล้วนแล้วแต่มีส่วนทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่ผันผวนมากขึ้น
รายงานของ BIS ฉบับนี้ได้รับการเผยแพร่ก่อนที่จะถึงกำหนดเส้นตายการเรียกเก็บภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในวันที่ 9 ก.ค. และหลังจากที่สถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ทั่วโลกเผชิญกับความวุ่นวายอย่างรุนแรงต่อเนื่องยาวนานถึงหกเดือน
รายงานประจำปีของ BIS ถือเป็นมาตรวัดสำคัญที่สะท้อนถึงความคิดของธนาคารกลางในประเทศต่าง ๆ เนื่องจากเป็นรายงานจากที่ประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางทั่วโลกซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ขณะเดียวกัน BIS ก็ถูกมองว่าเป็นธนาคารกลางของธนาคารกลางทั่วโลก
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 มิ.ย. 68)