
โทมัส บาร์แรค เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำตุรกี ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวอนาโดลู (Anadolu) ของทางการตุรกีเมื่อวานนี้ (29 มิ.ย.) ว่า เขาหวังว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับประธานาธิบดีเรเจป ตัยยิป แอร์โดอัน ของตุรกี จะสามารถหาข้อยุติในประเด็นมาตรการคว่ำบาตรด้านความมั่นคงที่ยืดเยื้อมานานได้ภายในสิ้นปีนี้
บาร์แรคกล่าวว่า ผู้นำทั้งสองน่าจะมอบนโยบายเพื่อคลี่คลายปัญหานี้ ซึ่งเป็นผลพวงมาจากการที่สหรัฐฯ ใช้มาตรการคว่ำบาตรตุรกีในปี 2563 หลังรัฐบาลตุรกีตัดสินใจจัดซื้อระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-400 จากรัสเซีย
“ในความเห็นของผม ปธน.ทรัมป์และปธน.แอร์โดอันจะสั่งการให้รมว.ต่างประเทศ (มาร์โก) รูบิโอ และรมว.ต่างประเทศ (ฮาคาน) ฟิดาน จัดการเรื่องนี้ โดยมีความเป็นไปได้ว่าจะหาทางออกได้ภายในสิ้นปีนี้” บาร์แรคกล่าว
มาตรการคว่ำบาตรดังกล่าวอยู่ภายใต้กฎหมาย CAATSA (กฎหมายต่อต้านศัตรูของอเมริกาผ่านการคว่ำบาตร) ส่งผลให้ตุรกีซึ่งเป็นสมาชิกนาโต (NATO) ถูกถอดออกจากโครงการเครื่องบินขับไล่ F-35 ที่ตุรกีเคยมีส่วนร่วมทั้งในฐานะผู้ซื้อและผู้ร่วมผลิต
รัฐบาลตุรกีซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสหรัฐฯ มากขึ้นนับตั้งแต่ทรัมป์กลับมาดำรงตำแหน่ง ได้แสดงจุดยืนมาโดยตลอดว่าการถูกถอดออกจากโครงการนั้นไม่เป็นธรรม และเรียกร้องให้สหรัฐฯ รับกลับเข้าโครงการดังเดิม หรือชดเชยค่าเสียหายให้
“เราทุกคนเชื่อว่านี่เป็นโอกาสอันดีเยี่ยม เพราะเรามีผู้นำสองท่านที่มีความไว้วางใจซึ่งกันและกัน” บาร์แรค ซึ่งควบตำแหน่งทูตพิเศษประจำประเทศซีเรีย กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 มิ.ย. 68)