
เทสลา (Tesla) ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) รายใหญ่ของสหรัฐฯ รายงานยอดขายรถยนต์ 384,000 คันในไตรมาส 2/2568 ซึ่งร่วงลงถึง 13.5% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน แต่สอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาด และดีกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ส่งผลให้หุ้นของเทสลาพุ่งขึ้นในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กวันพุธ (2 ก.ค.)
ตัวเลขยอดขายทั่วโลกของเทสลาสะท้อนถึงการแข่งขันที่ดุเดือดยิ่งขึ้นในอุตสาหกรรมรถ EV แต่นักวิเคราะห์บางรายเชื่อว่า การเข้ามามีบทบาททางการเมืองของซีอีโอ อีลอน มัสก์ ส่งผลให้บริษัทตกเป็นเป้าของการถูกคว่ำบาตรด้วยเช่นกัน
ความขัดแย้งระหว่างมัสก์กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เกี่ยวกับร่างกฎหมายภาษี ได้สร้างความหวั่นวิตกให้กับบรรดานักลงทุนว่าอาจยิ่งทำให้ผู้ซื้อรถ EV เมินเทสลามากขึ้น เนื่องจากการที่มัสก์แสดงออกถึงการสนับสนุนการเมืองฝ่ายขวาได้ส่งผลกระทบต่อยอดขายในสหรัฐฯ รวมถึงยุโรป และยังทำให้หน่วยงานกำกับดูแลเพิ่มความเข้มงวดเกี่ยวกับบริการแท็กซี่ไร้คนขับ Robotaxi ของบริษัท
ก่อนหน้านี้ เทสลาเคยประกาศว่า บริษัทจะเริ่มผลิตยานยนต์ราคาถูกลงภายในสิ้นเดือนมิ.ย. ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นรุ่น Model Y ที่ลดสเปคลง แต่สื่อหลายสำนักรายงานเมื่อเดือนเม.ย.ว่า แผนการดังกล่าวถูกเลื่อนออกไปอย่างน้อย 2-3 เดือน
ทั้งนี้ หุ้นเทสลาดีดตัวขึ้น 5% โดยเป็นการฟื้นตัวขึ้นจากที่ร่วงลงเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ หลังบริษัทเปิดเผยยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าลดลงน้อยกว่าคาดในไตรมาส 2/2568
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 ก.ค. 68)