กรรมการ BOJ หนุนเร่งขึ้นดอกเบี้ย แม้เศรษฐกิจเสี่ยงถูกกระทบจากภาษีทรัมป์

ฮาจิเมะ ทาคาตะ สมาชิกคณะกรรมการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) กล่าวในการประชุมผู้นำธุรกิจซึ่งจัดขึ้นที่จังหวัดมิเอะ ทางตอนกลางของญี่ปุ่นในวันนี้ (3 ก.ค.) ว่า BOJ หยุดพักการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียงชั่วคราวเท่านั้น และจะกลับมาเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อไปในอนาคต แม้เศรษฐกิจญี่ปุ่นมีแนวโน้มที่จะเผชิญแรงกดดันจากมาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ก็ตาม

“ผมเชื่อว่า BOJ แค่เพียงหยุดพักการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเวลานี้เท่านั้น และจากนั้น BOJ ควรปรับโหมดสู่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังจากที่ใช้แนวทางรอดูสถานการณ์ในช่วงที่ผ่านมา” ทาคาตะกล่าว

ถ้อยแถลงของทาคาตะซึ่งเป็นหนึ่งในการกรรมการ “สายเหยี่ยว” หรือสายสนับสนุนการใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงิน สะท้อนให้เห็นว่า BOJ ยังคงมองหาโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม แม้ว่าความหวังในการเจรจาข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ จะริบหรี่ลง หลังจากปธน.ทรัมป์ขู่ว่าจะเพิ่มภาษีสินค้านำเข้าญี่ปุ่นเป็น 35% จากแผนเดิมที่ตั้งไว้ 24% ซึ่งอาจเริ่มใช้ในสัปดาห์หน้า

ทาคาตะเสริมว่า BOJ ต้องพร้อมที่จะกลับเข้าสู่วงจรการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้ง หากสหรัฐฯ มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้ากับญี่ปุ่น ซึ่งท่าทีดังกล่าวบ่งชี้ว่า BOJ ยังคงมีโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในปีนี้ โดยจะขึ้นอยู่กับผลกระทบที่เกิดจากมาตรการภาษีศุลกากร

ทั้งนี้ การแสดงความเห็นของทาคาตะมีขึ้นในขณะที่ญี่ปุ่นยังคงเผชิญกับเงินเฟ้อที่สูงที่สุดในกลุ่มประเทศ G7 โดยดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนพ.ค. ปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบ 2 ปี ขณะที่บันทึกการประชุม BOJ เมื่อเดือนที่แล้วแสดงให้เห็นว่า กรรมการ BOJ มองว่าเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าเป้าหมาย

ในการประชุมเมื่อวันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา คณะกรรมการ BOJ มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.50% และประกาศว่าจะชะลอความเร็วในการลดซื้อพันธบัตรรัฐบาลตั้งแต่เดือนเม.ย. 2569 ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่า BOJ จะดำเนินการปรับนโยบายการเงินสู่ระดับปกติอย่างรอบคอบระมัดระวัง

ภายใต้แผนล่าสุดนี้ BOJ จะลดการซื้อพันธบัตรลง 2 แสนล้านเยน (1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ต่อไตรมาส จากปัจจุบันที่ 4 แสนล้านเยนต่อไตรมาส ซึ่งจะทำให้ยอดรวมของการซื้อพันธบัตรลดลงสู่ระดับประมาณ 2 ล้านล้านเยนในช่วงต้นปี 2570

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 ก.ค. 68)