BOJ เผยบริษัทญี่ปุ่นหั่นราคารถยนต์ส่งออกไปสหรัฐฯ หวังลดผลกระทบภาษีทรัมป์

ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยรายงานในวันนี้ (10 ก.ค.) ระบุว่า บริษัทผลิตรถยนต์ของญี่ปุ่นได้ปรับลดราคารถยนต์ที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ ในอัตราที่มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าบริษัทญี่ปุ่นยอมเสียผลกำไรเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน เนื่องจากมาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมรถยนต์

รายงานของ BOJ ระบุว่า ดัชนีราคาการส่งออกรถยนต์ที่ส่งไปยังอเมริกาเหนือ ลดลง 19.4% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการปรับลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่มีการบันทึกข้อมูลในปี 2559 โดยข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่ากลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นกำลังพยายามหลีกเลี่ยงการขึ้นราคาครั้งใหญ่ เพื่อที่จะคงความสามารถในการแข่งขันในสหรัฐฯ แม้ว่าปธน.ทรัมป์เริ่มเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ในอัตรา 25% ตั้งแต่ต้นเดือนเม.ย.

อย่างไรก็ดี การที่บริษัทญี่ปุ่นพากันปรับลดราคารถยนต์มากในครั้งนี้ ได้ก่อให้เกิดความกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อกำไรของบริษัท และบั่นทอนความสามารถในการเดินหน้าปรับขึ้นค่าจ้างซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะทำให้ BOJ สามารถบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้ออย่างยั่งยืน

รายงานของ BOJ ยังบ่งชี้ว่า ดัชนีราคาผู้ผลิตโดยรวมปรับตัวขึ้น 2.9% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอตัวลงหลังจากที่เพิ่มขึ้น 3.3% ในเดือนพ.ค. เนื่องจากราคาน้ำมันและเหล็กปรับตัวลง

คาซูโอะ อุเอดะ ผู้ว่าการ BOJ กล่าวว่า เขากำลังจับตาอย่างใกล้ชิดว่าวงจรค่าจ้าง-เงินเฟ้อ (wage-inflation cycle) จะยังคงอยู่ในทิศทางที่เหมาะหรือไม่เมื่อเผชิญกับมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ เพื่อที่ BOJ จะสามารถกำหนดช่วงเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไป

ทั้งนี้ นอกจากภาษีรถยนต์แล้ว ปธน.ทรัมป์ยังได้ประกาศเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากญี่ปุ่นในอัตรา 25% โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ส.ค. ซึ่งอัตราภาษีใหม่นี้เพิ่มขึ้นจากระดับ 24% ที่ทรัมป์ประกาศไว้ในเมื่อวันที่ 2 เม.ย.

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 ก.ค. 68)