ตลาดหุ้นเอเชียเปิดผันผวน หลังทรัมป์ประกาศรีดภาษีเม็กซิโก-EU 30%

ตลาดหุ้นเอเชียเปิดผันผวนในวันนี้ (14 ก.ค.) โดยนักลงทุนประเมินข่าวประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศเรียกเก็บภาษีศุลกากรจากสหภาพยุโรป (EU) และเม็กซิโก ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังจับตาการเปิดเผยข้อมูลการค้าของจีนในช่วงเช้าวันนี้

  • ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ระดับ 39,416.10 จุด ลดลง 153.58 จุด หรือ -0.38%
  • ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 24,100.57 จุด ลดลง 39 จุด หรือ -0.16% และ
  • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,513.25 จุด เพิ่มขึ้น 3.07 จุด หรือ +0.09%
  • ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดบวก 0.22% ส่วนดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปรับตัวลง 0.1%

ปธน.ทรัมป์ประกาศว่าสหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษี 30% สำหรับสินค้านำเข้าจาก EU และเม็กซิโก โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.นี้เป็นต้นไป

ทรัมป์ได้เปิดเผยอัตราภาษีใหม่นี้ผ่านจดหมายที่ส่งถึงเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป และคลอเดีย เชนบาม ประธานาธิบดีเม็กซิโก ซึ่งเขาได้โพสต์จดหมายทั้งสองฉบับบนแพลตฟอร์มทรูธโซเชียล (Truth Social) ในวันเสาร์ (12 ก.ค.)

ในจดหมายถึงผู้นำเม็กซิโก ทรัมป์ยอมรับว่าเม็กซิโกให้ความช่วยเหลือในการสกัดกั้นการหลั่งไหลของผู้อพยพผิดกฎหมายและยาเฟนทานิลเข้าสู่สหรัฐฯ แต่ระบุว่าเม็กซิโกยังทำไม่เพียงพอที่จะหยุดยั้งไม่ให้อเมริกาเหนือกลายเป็น “แหล่งซ่องสุมการค้ายาเสพติด”

ส่วนในจดหมายถึงสหภาพยุโรป ทรัมป์ระบุตอนหนึ่งว่า การขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ ต่อ EU ถือเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของชาติ

ทั้งนี้ EU และเม็กซิโกนับเป็นสองคู่ค้ารายล่าสุดของสหรัฐฯ ที่ทรัมป์ได้ส่งจดหมายแจ้งการเก็บภาษีในอัตราใหม่ หลังจากที่เขาได้ส่งจดหมายลักษณะเดียวกันไปยังคู่ค้าของสหรัฐฯ อีก 23 ประเทศในช่วงสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงแคนาดา ญี่ปุ่น บราซิล และไทย โดยกำหนดอัตราภาษีตั้งแต่ 20% ถึง 50%

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ก.ค. 68)