
นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งไซด์เวย์ในกรอบ หลังจากเมื่อวานนี้ปรับตัวขึ้นตอบรับความคาดหวังการเจรจาการค้าไทยและสหรัฐ แต่ยังต้องรอความชัดเจน อีกทั้งยังอาจมีแรงซื้อเก็งงบฯไตรมาส 2/68 ของกลุ่มแบงก์เข้ามาหนุนได้บ้าง พร้อมให้แนวต้าน 1,150 จุด แนวรับ 1,130 จุด
นายวีรวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน (บลป.) เอฟเอสเอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าแกว่งตัวไซด์เวย์ในกรอบ หลังจากเมื่อวานนี้ปรับตัวขึ้นมามาก ตอบรับความคาดหวังการเจรจาการค้าระหว่างไทยและสหรัฐไปแล้ว แต่ยังคงต้องรอความชัดเจนที่จะออกมาว่าจะมีข้อตกลงอย่างไร
อย่างไรก็ตามมองว่า Valuation ของตลาดหุ้นไทยยังค่อนข้างถูก และช่วงนี้ใกล้ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2/68 ของกลุ่มแบงก์ ทำให้อาจจะมีแรงซื้อเก็งกำไรงบฯกลุ่มแบงก์เข้ามาหนุนได้ ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้าวันนี้เปิดมาส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น
โดยให้แนวต้าน 1,150 จุด แนวรับ 1,130 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (14 ก.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,459.65 จุด เพิ่มขึ้น 88.14 จุด หรือ +0.20%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,268.56 จุด เพิ่มขึ้น 8.81 จุด หรือ +0.14% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 20,640.33 จุด เพิ่มขึ้น 54.80 จุด หรือ +0.27%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดบวกในวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ระดับ 39,525.83 จุด เพิ่มขึ้น 66.21 จุด หรือ +0.17%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 24,281.94 จุด เพิ่มขึ้น 78.62 จุด หรือ +0.32% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ 3,519.81 จุด เพิ่มขึ้น 0.16 จุด หรือ +0.005%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (14 ก.ค.) 1,143.31 จุด เพิ่มขึ้น 22.18 จุด (+1.98%) มูลค่าซื้อขาย 33,684.38 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ (14 ก.ค.) 1,380.30 ล้านบาท
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. (14 ก.ค.)ลดลง 1.47 ดอลลาร์ หรือ 2.15% ปิดที่ 66.98 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (14 ก.ค.) อยู่ที่ 3.72 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.48 อ่อนค่าตามภูมิภาค ตลาดรอติดตามตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ-ลุ้นผู้ว่าธปท.คนใหม่
- “พิชัย” แย้มข้อเสนอเพิ่ม ส่งสหรัฐเปิดตลาดสินค้า 0% เปิดเสรีสินค้า “ปลานิล ลำไย รถยนต์พวงมาลัยซ้าย” ชี้ไม่กระทบตลาดในประเทศ สั่งแบงก์รัฐ เตรียมซอฟต์โลน 2 แสนล้าน อุ้มผู้ถูกกระทบ “พาณิชย์” เตรียม 3 มาตรการเยียวยา ยืนยันทีมเจรจาตั้งเป้าภาษีต่ำสุด “บีโอไอ” แนะไทยเป็นซัพพลายเชนสหรัฐ ชี้ 5 ปัจจัยตัดสินใจลงทุนสำคัญกว่าภาษี
- ภาคธุรกิจระดมความเห็นรับมือภาษีทรัมป์ ส.อ.ท.เผยภาษี 36% สูงกว่าคู่แข่ง ในอาเซียน เร่งรัฐสกัดสินค้าทะลักไทย WHA ชี้ยังไม่กระทบลงทุนในนิคมฯ สรท.ระบุยอดจองสายเรือ ลด 30% หวังปิดดีลต่ำกว่าเวียดนาม 2% “หอการค้า” แนะสร้างโอกาสแก้ปมสินค้าสวมสิทธิ์ “เกียรตินาคินภัทร” แนะไทยหาโอกาสปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ “ศูนย์วิจัยกสิกร” ชี้สหรัฐเมินอาเซียนแหล่งซัพพลายเชน
- “พิชัย” เผยเซ็นเสนอชื่อผู้ว่าฯ แบงก์ชาติคนใหม่แล้ว พร้อมชง ครม.พิจารณา 15 ก.ค. สะพัด! เคาะ “วิทัย รัตนากร” นั่งเก้าอี้ เชื่อช่วยประสานนโยบายการเงิน-การคลังได้เป็นอย่างดี มีวิสัยทัศน์แก้ไขปัญหา ศก.สอดคล้องสถานการณ์ปัจจุบัน
- “พาณิชย์” เผยดัชนีค่าบริการขนส่งสินค้าทางถนนไตรมาส 2/68 ขยับเพิ่ม 0.2% จากอานิสงส์ปริมาณขนส่งสินค้าพุ่ง หลังความต้องการขยายตัวตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ มองแนวโน้มไตรมาส 3/68 ยังพุ่งต่อ ตามแรงกระตุ้นเศรษฐกิจจากโครงการรัฐ
- ททท.ตั้งเป้ารายได้ท่องเที่ยวปี 2569 ไม่ต่ำกว่า 3 ล้านล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 7% ชี้ปี 2568 คงไปไม่ถึง 3 ล้านล้านบาท หลังตลาดจีนมีปัญหา คาดการณ์ปิดยอดตลอดปีนี้ที่ 2.87 ล้านล้านบาท ด้านเที่ยวไทยคนละครึ่งภายในสิ้นเดือน ก.ค.นี้ จะมีคนใช้ 250,000 สิทธิ
- สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยว่า หลังสถานการณ์สงครามอิสราเอล-อิหร่าน เริ่มคลี่คลายจากการไกล่เกลี่ยของสหรัฐ ราคาน้ำมันตลาดโลกก็เริ่มกลับสู่ภาวะปกติ ทำให้กองทุนกลับมาจัดเก็บเงินเข้ากองทุนได้อีกครั้ง จากก่อนหน้านี้ คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ได้รักษาเสถียรภาพ และตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 32 บาทต่อลิตร ช่วยลดภาระค่าครองชีพให้ประชาชน ส่งผลให้สภาพคล่องของกองทุน ประเภทน้ำมันดีเซลติดลบ คือ มีรายจ่ายสูงสุดวันละ 40.75 ล้านบาทต่อวัน
หุ้นเด่นวันนี้
- TIDLOR (ลิเบอเรเตอร์) ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 19.00 บาท คาดสินเชื่อและเบี้ยประกันปีนี้จะเติบโต ช่วยหนุนผลประกอบการยังขยายตัวต่อเนื่อง คาดคุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้น สะท้อนจาก Credit cost และ NPL formation จะลดลงต่อเนื่องในไตรมาส 2/68 ผสานจิตวิทยาเชิงบวกจากการที่คุณวิทัย มีโอกาสได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้ว่า ธปท. คนใหม่ ซึ่งเพิ่มความน่าจะเป็นในการปรับลดดอกเบี้ยมากขึ้น เป็นบวกต่อกลุ่มไฟแนนซ์
- PRM (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 9.35 บาท แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/68 คาดกำไรปกติดีขึ้น QoQ เนื่องจากเรือมีจำนวนวันทำงานมากขึ้นหลังผ่านการเข้า Dry Dock และทยอยรับเรือใหม่เข้ามาในไตรมาส 1/68 ประกอบกับไตรมาส 2/68 จะมีการรับเรือ FSU และ Crew Boat ใหม่เข้ามาอย่างละ 1 ลำ ส่วนแนวโน้ม 2H68 น่าจะกลับมาโต YoY ได้ตามกำลังการให้บริการที่เพิ่มขึ้นและเรือใหญ่มีตารางเข้า Dry Dock น้อยลง โดยแผนการลงทุนในอนาคตจะมีการทยอยรับเรือ PCT 6 ลำในปีหน้าเพื่อทดแทนเรือเก่า และสนใจลงทุนในเรือ Anchor Handling Tug ที่สนับสนุนกิจกรรมการสำรวจปิโตรเลียมซึ่งมีค่าบริการที่สูง ทั้งนี้ปี 68-69 ตลาดคาดการณ์กำไรที่ 2.4 พันล้านบาท (+14%YoY) และ 2.5 พันล้านบาท (+4%YoY)
- GULF (เคจีไอ) เป้าพื้นฐาน 54 บาท ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานของกลุ่มฯยังโตทั้งโรงไฟฟ้า สื่อสาร และ New S-curve สำหรับธุรกิจโรงไฟฟ้าคาดผลการดำเนินงาน 2H68 จะโตเด่น HoH จากกำลังการผลิตใหม่เริ่ม COD และต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่คาดจะลดลง (คาดได้ Sentiment บวกจากการเจรจาการค้าไทย – สหรัฐฯนำเข้าก๊าซธรรมชาติ) ขณะที่ธุรกิจ New S-curve อาทิ Data center และ Virtual bank ที่มี Synergy กับธุรกิจสื่อสารจะหนุนการเติบโต คาดกำไรปี 2568 – 69 ทำ New high ต่อเนื่อง ส่วน Valuation ยังมี Upside Forward PE 22.7 เท่า (-0.75 SD) ขณะที่คาดหวังการลดดอกเบี้ยหนุน Sentiment
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ก.ค. 68)