
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี ได้มีข้อสั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรณีปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา โดยให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการในจังหวัดชายแดนที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการจำกัดเวลาในการเปิด-ปิดด่านในจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา 7 จังหวัด ซึ่งอาจจะกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนและผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจตามแนวชายแดนดังนี้
- ให้กระทรวงพาณิชย์เร่งดำเนินการหามาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการตามแนวชายแดนที่จะต้องมีการส่งสินค้าข้ามแดนในการหาตลาดหรือขอความร่วมมือจากภาครัฐและเอกชนในการรับซื้อสินค้า ตลอดจนกระบวนการขนส่งสินค้าที่อาจจะต้องใช้ระยะเวลาที่นานขึ้น เพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ผู้ประกอบการในบริเวณดังกล่าว
- ให้กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานความมั่นคง ดูแลความปลอดภัยให้แก่ประชาชนในพื้นที่ และไม่ให้กระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนทั้ง 2 ประเทศ โดยคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยธรรมสากลเป็นที่ตั้ง
มาตรการยกระดับความปลอดภัย ทั้งในเรื่องการดูแลนักท่องเที่ยว และการป้องกันและปราบปราม ยาเสพติด และขบวนการคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งที่ผ่านมากองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 ที่รับผิดชอบ จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี กำแพงเพชร ตาก พิจิตร พิษณุโลก สุโขทัย เพชรบูรณ์ อุตรดิตถ์ ได้มีการบูรณาการในการนำข้อมูลของหน่วยงานต่าง ๆ ร่วมใช้กับกล้อง CCTV แล้วเกิดผลสำเร็จทำให้สามารถติดตามตรวจสอบผู้กระทำความผิดทั้งในด้านยาเสพติด ขบวนการ call center ที่อาศัยประเทศไทยเป็นทางผ่านในบริเวณภาคกลางตอนบน ภาคเหนือ และภาคอีสานได้เป็นอย่างมาก โดยขอให้หน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องบูรณาการนำข้อมูล และระบบดังกล่าวมาใช้ในการเพิ่มมาตรการความปลอดภัยให้กับประชาชน และนักท่องเที่ยว ในบริเวณชุมชนโดยเฉพาะบริเวณแหล่งท่องเที่ยว โรงพยาบาล โดยเริ่มนำร่องในจังหวัดหลัก เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน และนักท่องเที่ยวโดยเร็วตามนโยบายของรัฐบาล
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ก.ค. 68)