
นายพิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ เผยดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำประจำเดือน ก.ค.68 อยู่ที่ 74.80 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 1.13 จุด หรือคิดเป็น 1.53% จากระดับ 73.67 จุดในเดือน มิ.ย.68 โดยมีปัจจัยหนุนจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง ความตึงเครียดของสงครามการค้า การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ นโยบายอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และราคาน้ำมันในตลาดโลก
ดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำระยะสามเดือนในไตรมาสที่ 3 ของปี 2568 (ก.ค.-ก.ย.) อยู่ที่ระดับ 64.46 จุด ลดลง 2.32 จุด หรือ 3.48% จากระดับ 66.78 จุดในไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 โดยปัจจัยที่ทำให้ดัชนีฯ ปรับลดลงนั้น ได้แก่ ทิศทางนโยบายของเฟด ปริมาณความต้องการทองคำที่ลดลง สงครามการค้าเริ่มคลี่คลาย และสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางเริ่มคลี่คลาย

ขณะที่คาดการณ์ความต้องการซื้อทองคำในช่วงเดือน ก.ค.68 จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 329 ราย ในจำนวนนี้มี 164 ราย หรือเทียบเป็น 50% คาดว่าจะซื้อทองคำ ส่วนจำนวน 110 ราย หรือเทียบเป็น 33% คาดว่าจะไม่ซื้อทองคำ และจำนวน 55 ราย หรือเทียบเป็น 17% ไม่แน่ใจว่าจะซื้อทองคำในเดือนนี้หรือไม่
ส่วนกลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้ประกอบกิจการค้าทองคำรายใหญ่และผู้ประกอบกิจการนายหน้าซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับราคาทองคำ จำนวน 12 ราย ในจำนวนนี้มี 7 ราย หรือเทียบเป็น 58% เชื่อว่าราคาทองคำในเดือน ก.ค.68 จะเพิ่มขึ้น และจำนวน 3 ราย หรือเทียบเป็น 25% คาดว่าจะใกล้เคียงกับราคาทองคำในเดือน มิ.ย.68 ส่วนจำนวน 2 ราย หรือเทียบเป็น 17% คาดว่าจะลดลง
สำหรับการคาดการณ์กรอบราคาทองคำในเดือน ก.ค.68 ของผู้ประกอบกิจการค้าทองคำรายใหญ่มีมุมมอง ดังนี้ ราคาทองคำตลาดโลก (Gold Spot) ให้กรอบเฉลี่ยบริเวณ 3,274-3,410 ดอลลาร์/ออนซ์ ด้านราคาทองคำแท่งในประเทศความบริสุทธิ์ 96.5% ให้กรอบเฉลี่ยบริเวณ 50,100-52,600 บาท/บาททองคำ และด้านค่าเงินบาทให้กรอบเฉลี่ยบริเวณ 32.04-32.95 บาท/ดอลลาร์
การลงทุนทองคำในเดือน ก.ค.68 ยังคงได้รับความสนใจจากนักลงทุนท่ามกลางความไม่แน่นอนของสงครามการค้า ปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงตึงเครียด และทิศทางนโยบายการเงินของเฟด ทั้งนี้แม้ว่าราคาทองคำจะมีการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา แต่ยังมีโอกาสที่จะเกิดแรงขายทำกำไรเป็นระยะนักลงทุนจึงควรติดตามปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ราคาทองคำอย่างใกล้ชิด
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ก.ค. 68)