
สินทรัพย์ภายใต้การจัดการ (AUM) ในอุตสาหกรรมการบริหารสินทรัพย์และความมั่งคั่งของฮ่องกงปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปี 2567 โดยผลสำรวจของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และฟิวเจอร์สฮ่องกง (SFC) ระบุว่า กระแสเงินสุทธิไหลเข้าทั้งอุตสาหกรรมพุ่งขึ้น 81% แตะ 7.05 แสนล้านดอลลาร์ฮ่องกง ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการเติบโตอย่างโดดเด่นของธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์และให้คำปรึกษากองทุนที่มีกระแสเงินไหลเข้าสุทธิพุ่งถึง 571% แตะ 3.21 แสนล้านดอลลาร์ฮ่องกง
สินทรัพย์ของธุรกิจธนาคารเอกชนและการบริหารความมั่งคั่งขยายตัว 15% แตะ 10.4 ล้านล้านดอลลาร์ฮ่องกง โดยได้รับแรงหนุนจากเงินไหลเข้าสุทธิ 3.84 แสนล้านดอลลาร์ฮ่องกง ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนจากช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 ที่ฮ่องกงเผชิญการอพยพของประชาชนและเงินทุนจากจีนแผ่นดินใหญ่ไหลออกไปยังสิงคโปร์
ในภาพรวมนั้น AUM ของอุตสาหกรรมการบริหารสินทรัพย์และความมั่งคั่งของฮ่องกงเพิ่มขึ้น 13% แตะ 35.1 ล้านล้านดอลลาร์ฮ่องกง ซึ่งสะท้อนถึงการฟื้นตัวของศูนย์กลางการเงินแห่งนี้
ฮ่องกงเร่งดำเนินมาตรการเพื่อดึงดูดผู้มั่งคั่ง ทั้งการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีและโครงการให้ถิ่นที่อยู่ ขณะที่ดัชนีหุ้นสำคัญของฮ่องกงซื้อขายใกล้ระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 ปี จากความเชื่อมั่นต่อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้นและความต้องการลงทุนจากนักลงทุนจีนแผ่นดินใหญ่
กองทุนที่จดทะเบียนในฮ่องกงและได้รับอนุญาตจาก SFC มีเงินไหลเข้าสุทธิ 1.63 แสนล้านดอลลาร์ฮ่องกงในปี 2567 และเพิ่มอีก 2.37 แสนล้านดอลลาร์ฮ่องกงในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2568
ทั้งนี้ การสำรวจประจำปีของ SFC มีบริษัทเข้าร่วม 1,237 แห่ง ซึ่งครอบคลุมผู้จัดการกองทุน ธนาคารเอกชน และบริษัทประกัน
คริสตินา ชอย ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายผลิตภัณฑ์การลงทุนของ SFC กล่าวเสริมว่า ฮ่องกงกำลังมีบทบาทโดดเด่นมากขึ้นในฐานะศูนย์กลางการบริหารสินทรัพย์และความมั่งคั่งระดับนานาชาติ โดยปัจจัยสนับสนุนสำคัญมาจากกระแสเงินไหลเข้าที่แข็งแกร่ง นวัตกรรมทางการเงิน และบุคลากรที่มีทักษะสูงซึ่งเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ก.ค. 68)