
ราฟาเอล บอสติก ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาแอตแลนตากล่าวเมื่อวันพุธ (16 ก.ค.) ว่า ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดกำลังแสดงสัญญาณว่าแรงกดดันด้านราคากำลังก่อตัวสูงขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากภาษีนำเข้าที่บังคับใช้โดยรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
“เราอาจกำลังอยู่ในจุดเปลี่ยน” บอสติกกล่าวให้สัมภาษณ์กับช่องฟ็อกซ์บิสซิเนส (Fox Business) พร้อมชี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ เดือนมิ.ย. ได้ดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 2.7% จาก 2.4% ในเดือนพ.ค. และที่น่ากังวลคือ เกือบครึ่งหนึ่งของสินค้าในตะกร้าดัชนีมีราคาเพิ่มขึ้น 5% ขึ้นไป ซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่เขาเห็นว่าเป็นหลักฐานของแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่กำลังแผ่ขยายเป็นวงกว้าง
จากข้อมูลดังกล่าว บอสติกเชื่อว่า เฟดอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้เพียงครั้งเดียวที่ 0.25% ในปีนี้ แม้ว่าบรรดานักลงทุนในตลาดจะคาดหวังว่าจะมีการลดดอกเบี้ยถึง 2 ครั้งก็ตาม
ท่าทีที่ไม่เต็มใจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟด ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 4.25%-4.5% ได้สร้างความไม่พอใจอย่างมากให้กับปธน.ทรัมป์ โดยเมื่อวันพุธได้มีรายงานข่าวว่า ทรัมป์ใกล้จะตัดสินใจปลดเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ซึ่งข่าวดังกล่าวได้จุดชนวนให้เกิดการเทขายในตลาดอย่างหนัก ก่อนที่สถานการณ์จะคลี่คลายลง หลังจากที่ทรัมป์ออกมาชี้แจงว่ายังไม่มีแผนการดังกล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 ก.ค. 68)