
กัมพูชาเปิดปฏิบัติการกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยบุกเข้าตรวจค้นและจับกุมผู้ต้องสงสัยเกือบ 750 รายในกรุงพนมเปญและอีกสามจังหวัดภายในวันเดียว หลังจากที่นายกรัฐมนตรี ฮุน มาเนต ได้ออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดและกองกำลังความมั่นคง เร่งปราบปรามการหลอกลวงทางออนไลน์อย่างจริงจัง โดยขู่ว่าจะปลดจากตำแหน่ง หากไม่สามารถหยุดยั้งภัยคุกคามเหล่านี้ได้
เนธ พักตรา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสารสนเทศ เปิดเผยว่า กองกำลังร่วมได้บุกค้นสถานที่หลายแห่งที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกรุงพนมเปญ จังหวัดบันทายมีชัย (บันเตียเมียนเจย) จังหวัดกระแจะ และจังหวัดกำปงสปือ และสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ 746 รายเมื่อวานนี้ (16 ก.ค.)
ที่กรุงพนมเปญ ปฏิบัติการซึ่งนำโดยรองผู้ว่าฯ ฮุน โสริทธี สามารถควบคุมตัวชาวต่างชาติ 100 ราย ประกอบด้วยชาวไต้หวัน 75 ราย ชาวจีน 24 ราย และเวียดนาม 1 ราย ส่วนที่จ.บันทายมีชัย กองบัญชาการร่วมของจังหวัดร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้บุกค้นอาคาร 3 ชั้นในเมืองปอยเปต พบชาวอินโดนีเซีย 271 คนเกี่ยวข้องกับการหลอกลวงออนไลน์
ขณะที่ จ.กระแจะ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นสามารถควบคุมตัวชาวต่างชาติ 312 ราย ซึ่งมาจากเวียดนาม ไทย บังกลาเทศ อินโดนีเซีย จีน และเมียนมา และที่จ.กำปงสปือ กองกำลังร่วมได้บุกค้นเกสต์เฮาส์ 9 อาคาร ก่อนรวบชาวต่างชาติ 63 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวจีน
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นเพียงหนึ่งวันหลังจากเมื่อวันอังคาร (15 ก.ค.) ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้ลงนามสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดต่าง ๆ ผู้บัญชาการตำรวจ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เร่งกวาดล้างการหลอกลวงทางเทคโนโลยีทั้งหมดที่เกิดขึ้นในเขตอำนาจของตน
“การไม่ปฏิบัติตามหรือไม่ให้ความร่วมมือไม่ว่าในรูปแบบใด จะส่งผลต่อการพิจารณาแต่งตั้ง โยกย้าย หรือปลดออกจากตำแหน่ง” นายกฯ กัมพูชาระบุในคำสั่ง
คำสั่งซึ่งมีผลบังคับใช้ทันทีได้เรียกร้องให้เกือบทุกภาคส่วนของรัฐระดมกำลังเพื่อดำเนินการอย่าง “เร่งด่วนและเป็นหนึ่งเดียว” ในการฟื้นฟูภาพลักษณ์ของกัมพูชา ที่กำลังเผชิญกับแรงกดดันจากนานาประเทศให้ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเชื่อมโยงกับการค้ามนุษย์และอาชญากรรมไซเบอร์
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 ก.ค. 68)