
น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ปี 2569 จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนกระบวนทัศน์การท่องเที่ยวไทยเป็น “The New Thailand” ซึ่งมุ่งยกระดับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว สู่การให้ความสำคัญเชิงคุณค่าอย่างแท้จริง (Value is the New Volume) ผ่านแนวคิดหลัก “Stay Focus” เดินหน้าอย่างมีเป้าหมาย ผ่านจุดเน้น 4 ประการ ได้แก่
– ปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมท่องเที่ยว สู่ “การท่องเที่ยวคุณภาพ”
– ปรับสมดุล ด้วยการ “กระจายโอกาสสู่ท้องถิ่น”
– สร้างแรงดึงดูดใหม่ ด้วยการออกแบบประสบการณ์ที่ตรงใจนักท่องเที่ยวเฉพาะกลุ่ม
– จับมือทุกภาคส่วนมุ่งหน้าสู่ความยั่งยืน ควบคู่กับการเร่งสร้างความเชื่อมั่นประเทศไทย เผยแพร่ Soft Power และจัดการสมดุลส่วนแบ่งตลาด เป็น ตลาดต่างประเทศ 58% และ ตลาดในประเทศ 42% โดยมีหัวใจของความสำเร็จอยู่ที่ “คุณค่าและประสบการณ์” ที่นักท่องเที่ยวได้รับ พร้อมทั้ง “ความพึงพอใจ” ของทุกภาคส่วน เพื่อสร้างความสมดุลตัวชี้วัดทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ประเทศไทยเป็น 1 ใน 10 ประเทศที่มีรายได้ทางการท่องเที่ยวมากที่สุดในโลก
สำหรับ “ตลาดต่างประเทศ” ททท. มุ่งทำการตลาดเชิงรุก โดยให้ความสำคัญใน 2 มิติหลัก ได้แก่
มิติกลุ่มตลาด (Market Segment) ที่มีศักยภาพสูงในการเดินทาง ได้แก่ Millennials, Gen Z, Luxury และ Health & Wellness และมิติกลุ่มพื้นที่ (Market Areas) แบ่งเป็น 3 กลุ่ม เพื่อตอบโจทย์เชิงรายได้อย่างชัดเจน ได้แก่
1. กลุ่ม Priority ประกอบด้วย กลุ่มตลาดหลัก อาทิ จีน ฮ่องกง จะมุ่งสร้างภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย พร้อมขยายสู่เมืองท่องเที่ยวใหม่ กลุ่มตลาดระยะใกล้ ได้แก่ มาเลเซีย เกาหลีใต้ สิงคโปร์ สร้างภาพจำใหม่ ขยายตลาด Segment ใหม่ควบคู่กับกระตุ้นฐานตลาดเดิม กลุ่มตลาดระยะใกล้ที่เติบโตดี ได้แก่ อินเดีย ญี่ปุ่น เน้นเจาะกลุ่ม Quality Leisure และกลุ่มตลาดระยะไกลที่เติบโตดี ได้แก่ รัสเซีย อังกฤษ สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส และเยอรมนี มุ่งเจาะกลุ่ม High Value สร้าง New Million Market
2. กลุ่มตลาดขนาดกลาง-เล็ก ได้แก่ ตลาดระยะใกล้ อาทิ ไต้หวัน เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ กระตุ้นและขยายตลาดใหม่ทั้งในเชิง Segment และพื้นที่ ตลาดระยะไกล อาทิ ออสเตรเลีย สแกนดิเนเวีย อิตาลี สเปน เร่งสร้างภาพไทยในฐานะ “Green Destination” และ Long Stay Paradise
3. กลุ่ม High Value Market ตลาดตะวันออกกลางศักยภาพสูง นำเสนอ Premium Leisure และ Health & Wellness พร้อมรักษาการเติบโตของอิสราเอล รวมถึงทำ Airline Focus เพิ่มที่นั่งและความถี่เที่ยวบิน
โดยนำเสนอกิจกรรม Exclusive Experience ในจังหวัดท่องเที่ยวหลัก, กระตุ้นความถี่ในกลุ่มจังหวัดเมืองหลัก-น่าเที่ยว ให้เกิดการเดินทางตลอดทั้งปี ด้วยการเจาะตลาด Health and Wellness และส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวข้ามภาค ด้วยสินค้าบริการที่นำเสนอเสน่ห์ไทยและเพิ่ม Event Marketing
ขณะเดียวกัน ก็ยังคงมุ่งส่งเสริมเมืองน่าเที่ยว ด้วยสินค้าและบริการตามอัตลักษณ์พื้นที่ โดยมีไฮไลต์ตามภูมิภาค ได้แก่
– ภาคกลาง ชวนสัมผัสเสน่ห์ดินแดนลุ่มแม่น้ำ กับคอนเซปต์ “เที่ยวกลาง เที่ยวใกล้ เที่ยวได้เลย”
– ภาคตะวันออก สนุกกับ “สีสันตะวันออก” ด้วยกีฬา กิจกรรมกลางแจ้ง อิ่มอร่อยกับผลไม้ และอาหารถิ่น
– ภาคเหนือ “Season of North สุขทันที…ฤดูนี้ ฤดูเหนือ” ชูเสน่ห์อัตลักษณ์ภาคเหนือ ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาสัมผัสวัฒนธรรมและเรื่องราววิถีชุมชน
– ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ชวนตกหลุมรัก “ISAN Muaniverse สุขไม่ซ้ำกับประเพณีสีอีสาน”
– ภาคใต้ “Go South สัมผัสเสน่ห์ใต้ หลากหลายวัฒนธรรม” ลงใต้ไปสัมผัสเสน่ห์แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ ควบคู่กิจกรรม Responsible Tourism
นอกจากนี้ ททท. จะร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรม และองค์การบริหารพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) ส่งเสริมเมืองสร้างสรรค์ ของ UNESCO 3 จังหวัด ได้แก่ สุโขทัย เพชรบุรี และสุพรรณบุรี พร้อมจะต่อยอดความสำเร็จ “Grand Moment” ผ่านแนวคิดหลัก 3 โมเมนต์ ที่เชื่อมโยงอารมณ์ ความทรงจำ และความมหัศจรรย์ของการเดินทาง ให้ทุกทริปกลายเป็น “ช่วงเวลาแห่งความรู้สึก” ที่ไม่อาจลืม
น.ส.ฐาปนีย์ กล่าวว่า ททท. เตรียมสร้างแรงบันดาลใจให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ภายใต้แบรนด์ “Amazing Thailand” ผ่านแนวคิดหลัก “Unforgettable Experience – ประสบการณ์ที่ไม่รู้ลืม” ด้วยเป้าหมายให้ทุกการเดินทางมีความหมายลึกซึ้ง และทรงคุณค่ายิ่งขึ้น
สำหรับ ตลาดต่างประเทศ ททท. มุ่งสื่อสารภาพลักษณ์ประเทศไทยเป็น “จุดหมายปลายทางแห่งประสบการณ์ที่เปี่ยมคุณค่าและยั่งยืน” ผ่าน key message “Healing is the New Luxury” สะท้อนบทบาทของประเทศไทย ในฐานะดินแดนแห่งการเยียวยา การพักใจ และการเชื่อมโยงคุณค่าระหว่างผู้คนกับสถานที่ ที่จะเติมเต็มพลังชีวิตให้กับทุกคนที่มาเยือน
ด้านตลาดในประเทศ ต่อยอดแคมเปญ “สุขทันที ที่เที่ยวไทย” ด้วยแนวคิด “Change Unknown to Unforgettable” ชวนคนไทยออกไปเที่ยวเมืองไทย ไปสร้างโมเมนต์ที่ยิ่งใหญ่ เพื่อเก็บเกี่ยวเป็นความทรงจำดี ๆ ที่ไม่อาจลืมเลือน
สำหรับ Highlight Products ของปี 2569 ททท. จะคัดสรรประสบการณ์ทางการท่องเที่ยวที่มีอัตลักษณ์ คุณภาพ และความพร้อม มาแปรรูปเป็นสินค้าท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ มัดใจนักท่องเที่ยวทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยให้น้ำหนักกับ
1. Creative Products Focus การค้นหาจุดเน้นใหม่ ๆ ที่เชื่อมโยงกับอัตลักษณ์ของพื้นที่ ได้แก่
– สินค้ากลุ่มแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ เพื่อนำเสนอเป็น UNSEEN Destination – Unforgettable Experience
– สินค้ากลุ่มสุขภาพ (Wellness และ Meditation)
– สินค้ากลุ่มมูเตลู ศรัทธา และความเชื่อ
– สินค้าตามพฤติกรรมนักท่องเที่ยวยุคใหม่ เช่น เส้นทางคนโสด เส้นทาง LGBTQ เส้นทางตามรอย Series หนัง-ละคร และภาพยนตร์
– สินค้ากลุ่ม Arts & Craft Fashion กลุ่ม Sport Tourism กลุ่ม Night Tourism และกลุ่ม Thailand Soft Power สู่ 5 Must Do in Thailand
2. Transportation & Connectivity Focus ร่วมกับสายการบินพันธมิตร ขยายเครือข่ายความเชื่อมโยงทางการบินด้วย Airline Focus ทั้ง Commercial Flight และ Charter Flight การจัดทำเส้นทางเชื่อมโยงเมืองหลักสู่เมืองน่าเที่ยว รวมถึงประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งเส้นทางทางบก ทางน้ำ เช่น เรือยอร์ช เรือสำราญ (Cruise) เส้นทางเที่ยวแม่น้ำโขงเชื่อมโยงประเทศเพื่อนบ้านทางอากาศ เช่น Private Jet และ Helicopter ทางราง (รถไฟ) เช่น รถไฟ Kiha (กีฮะ), Royal Blossom, STR Prestige, Blue Jasmin
3. Thailand Standard Focus สร้างเครือข่ายและผลักดันให้เกิดการยกระดับมาตรฐานการบริการสู่มาตรฐานยั่งยืนในระดับสากลพร้อมไปกับการพัฒนา Sustainable Model อาทิ โครงการ Thailand Tourism Awards (TTA), CF Hotels, STGs STAR, Sustainable Product Prototype ภายใต้ Krabi Prototype
พร้อมกันนี้ จะเดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นผ่านโครงการ Trusted Thailand (Safe Travel Stamp) เพื่อการท่องเที่ยวที่ปลอดภัย มีมาตรฐาน และสร้างภาพลักษณ์ที่แข็งแรงของประเทศไทย
ไม่เพียงเท่านั้น ททท. จะเติมเต็มประสบการณ์ด้วยอีเวนต์ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ให้เทศกาล ประเพณี กิจกรรมระดับนานาชาติเป็แม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและต่างชาติ เริ่มกันที่ World Events ได้แก่ Maha Loy Krathong จ.สุโขทัย, VIJIT Chao Phraya, Amazing Thailand Marathon 2025 Amazing Thailand Countdown และ Maha Songkran World water Festival
ปรากฏการณ์ครั้งสำคัญของ TOMORROWLAND THAILAND 2026 ครั้งแรกในเอเชียในเดือนธันวาคม 2569 ต่อด้วย International Events อาทิ SEA GAMES Sport & Tourism ไหว้ครูมวยไทยโลก เทศกาลตรุษจีน เทศกาลดนตรีนานาชาติ Rolling Loud Thailand Wonderfruit และ Big Moutain Music Festival
นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงกีฬา Thailand Marathon และฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ กิจกรรมท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ Thailand Illumination International Balloon Feasta เทศกาลพลุพัทยา และ Amazing Thailand Grand Diwali 2025 พร้อมทั้งชวนดื่มด่ำเทศกาลอัตลักษณ์ถิ่นที่เป็น Signature Thailand ในพื้นที่เมืองน่าเที่ยวทั่วประเทศ ซึ่งจะเดินหน้าส่งเสริมยกระดับเทศกาลและประเพณีท้องถิ่นที่มีศักยภาพ สู่ International หรือ World Events ระดับโลก โดยมี 3 บิ๊กอีเวนต์สำคัญ ได้แก่ ประเพณีไหลเรือไฟ จ.นครพนม ประเพณีแห่เทียนพรรษา จ.อุบลราชธานี และประเพณีแห่ดาวคริสต์มาส จ.นครพนม
ททท. เชื่อมั่นว่า ปี 2569 จะเป็นปีแห่งความตั้งใจของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย ในการยกระดับ ปรับสมดุล และเดินหน้าสู่คุณภาพอย่างแท้จริง เพื่อการเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืน สะท้อนความพร้อมและศักยภาพของประเทศไทยที่จะก้าวข้ามจากการเป็นเพียง “จุดหมายปลายทางที่น่าเที่ยว” สู่การเป็น “จุดหมายปลายทางที่ทรงคุณค่า” ในทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรม บนเส้นทางแห่งความยั่งยืนที่มั่นคงยิ่งขึ้น ภายใต้พลังความร่วมมือที่เข้มแข็งกว่าที่เคย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ก.ค. 68)