ไต้หวันหวังปิดดีลการค้ากับสหรัฐฯ ในการเจรจารอบ 4 แม้ภาษีชิปส่อแววไม่รอด

เจิ้ง ลี่จวิน รองนายกรัฐมนตรีไต้หวัน และหยาง เจินนี ผู้แทนเจรจาการค้าของไต้หวัน ได้เดินทางถึงสหรัฐฯ แล้ว เพื่อหารือข้อตกลงการค้ารอบที่ 4 กับทีมงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.

จนถึงขณะนี้ การเจรจาระหว่างทั้งสองฝ่ายเป็นไปในทิศทางที่สร้างสรรค์ ขณะที่อัตราภาษีขั้นสุดท้ายยังขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของทรัมป์ ซึ่งยังไม่มีความชัดเจนใด ๆ ขณะเดียวกัน สหรัฐฯ ยังคงพิจารณาการเก็บภาษีเฉพาะกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบอย่างหนักต่อไต้หวันที่เป็นศูนย์กลางการผลิตชิประดับโลก

ไต้หวันพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้มีความจำเป็นในการเร่งปรับลดอัตราภาษีศุลกากร โดยในปีที่ผ่านมา ไต้หวันมียอดเกินดุลการค้ากว่า 6.5 หมื่นล้านดอลลาร์กับสหรัฐฯ ซึ่งได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์สินค้าด้านเทคโนโลยีที่มีบทบาทสำคัญในยุคการเติบโตของปัญญาประดิษฐ์ (AI)

หลายฝ่ายมองว่า ความไม่สมดุลทางการค้าดังกล่าวน่าจะเป็นเรื่องที่สร้างความไม่พอใจให้กับทรัมป์ ซึ่งกำลังเดินหน้าปรับโครงสร้างความสัมพันธ์ทางการค้า โดยเมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา สหรัฐฯ ได้เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากไต้หวันในอัตรา 32% ก่อนจะระงับการบังคับใช้เพื่อเปิดทางให้ทั้งสองฝ่ายเจรจาหาทางออก

ดังนั้น เพื่อแก้ไขปัญหาความไม่สมดุลทางการค้า ไต้หวันได้ส่งสัญญาณเพิ่มการจัดซื้อสินค้าจากสหรัฐฯ ทั้งในกลุ่มพลังงาน ผลิตภัณฑ์เกษตร และอาวุธยุทโธปกรณ์ ทั้งยังได้ให้คำมั่นว่าจะเร่งขยายการลงทุนในสหรัฐฯ และปิดช่องโหว่การควบคุมการส่งออกสินค้าทางเทคโนโลยีขั้นสูงที่สหรัฐฯ กังวล เพื่อจำกัดความก้าวหน้าทางนวัตกรรมของจีน

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 ก.ค. 68)