
กระทรวงพลังงาน สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ติดตามสถานการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดน ไทย-กัมพูชา อย่างใกล้ชิดเพื่อเฝ้าระวังและวางแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงด้านพลังงาน กำชับให้สนับสนุนการทำงานของโรงพยาบาล และการช่วยอพยพคนให้คำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนมากที่สุด
นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ได้สั่งการเร่งด่วนให้ กระทรวงพลังงานตั้งศูนย์ป้องกันเหตุฉุกเฉิน โดยมีนายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธาน โดยให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังและวางแนวทางการป้องกันสถานที่ด้านพลังงานที่สำคัญ เช่น คลังน้ำมัน สถานีบริการน้ำมัน ระบบส่งไฟฟ้า ขอให้ทุกหน่วยงานทั้งในส่วนกลาง ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.), บมจ. ปตท. (PTT) และจังหวัดในพื้นที่ชายแดน 7 จังหวัด ประกอบด้วย ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ สระแก้ว อุบลราชธานี จันทบุรี และตราด ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการพิจารณาเปิด-ปิดสถานีบริการน้ำมัน ให้คำนึงถึงความปลอดภัยของพนักงาน และกระทบประชาชนให้น้อยที่สุด และเตรียมแผนและมาตรการต่าง ๆ หากเกิดเหตุการณ์ทวีความรุนแรงขึ้น
“ทันทีที่เกิดเหตุการณ์ รองนายกฯ และรมว.พลังงาน ได้สั่งการให้กระทรวงพลังงาน ตั้งศูนย์ป้องกันเหตุฉุกเฉิน ซึ่งผมได้เรียกประชุมด่วน โดยมีผู้แทนจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งในส่วนกลาง และในพื้นที่ชายแดนที่เกิดเหตุเข้าร่วมการประชุม ซึ่งผมได้สั่งการให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และวางแนวทางและมาตรการต่าง ๆ โดยเฉพาะสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับด้านพลังงาน เช่น คลังน้ำมัน สถานีบริการน้ำมัน ระบบส่งไฟฟ้า จะต้องมีแผนการรรับมือหากสถานการณ์ทวีความรุนแรงมากขึ้น และขอให้รายงานให้ส่วนกลางทราบเป็นรายวัน หรือทันทีที่มีเหตุการณ์เกิดขึ้น
นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้พลังงานจังหวัดในพื้นที่แนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่มีการปิดสถานีบริการน้ำมันชั่วคราว ให้พิจารณาการเปิดปิดให้คำนึงถึงความปลอดภัยของพนักงาน และกระทบประชาชนให้น้อยที่สุด รวมทั้งให้มีการสื่อสารให้กับประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบ นอกจากนั้น ขอให้อำนวยความสะดวกส่วนราชการ โดยเฉพาะโรงพยาบาล สถานีตำรวจ หรือการอพยพคน ที่จำเป็นต้องมีการใช้น้ำมัน และไฟฟ้า ให้สามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว และเกิดความปลอดภัยกับประชาชนในพื้นที่ให้มากที่สุด” นายประเสริฐ กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ก.ค. 68)