
นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมติดตามการดูแลด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาว่า ข้อมูลเมื่อเวลา 14.00 น. มีประชาชนเสียชีวิตเท่าเดิม 13 ราย ส่วนผู้บาดเจ็บเพิ่มขึ้น 2 ราย รวมบาดเจ็บสะสม 33 ราย ในจำนวนนี้กลับบ้านได้แล้ว 18 ราย เหลือพักรักษาในโรงพยาบาล 15 ราย เป็นผู้ป่วยอาการหนัก 10 ราย และอาการปานกลาง 5 ราย ดังนี้
– จ.อุบลราชธานี 5 ราย รักษาที่ รพ.สรรพสิทธิประสงค์ 4 ราย อาการหนัก 2 ราย ปานกลาง 2 ราย และ รพ.สมเด็จพระยุพราชเดชอุดม 1 ราย อาการปานกลาง
– จ.ศรีสะเกษ 8 ราย รักษาที่ รพ.ศรีสะเกษ อาการหนัก 7 ราย และอาการปานกลาง 1 ราย
– จ.สุรินทร์ 1 ราย อาการหนัก รักษาที่ รพ.สุรินทร์
– จ.บุรีรัมย์ 1 ราย อาการปานกลาง รักษาที่ รพ.บุรีรัมย์
นพ.วีรวุฒิ กล่าวต่อว่า สำหรับโรงพยาบาลที่ต้องปิดบริการ ยังคงเดิม 7 แห่ง แต่มีโรงพยาบาลที่เปิดบริการเฉพาะฉุกเฉิน เพิ่มขึ้นอีก 1 แห่ง คือ รพ.ปราสาท รวมเปิดบริการเฉพาะส่วน 5 แห่ง มีการอพยพประชาชนรวม 91,810 ราย ในจำนวนนี้อยู่ในศูนย์พักพิง 4 จังหวัด 287 แห่ง รวม 63,359 คน
ทั้งนี้ ได้กำชับให้ดูแลด้านการจัดการสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม อนามัยสิ่งแวดล้อม และป้องกันควบคุมโรคติดต่อ และให้ทีมเยียวยาจิตใจในภาวะวิกฤต (MCATT) ติดตามประเมินสภาพจิตใจผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อย่างต่อเนื่อง ทั้งครอบครัวผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ และผู้อพยพ ขณะที่ผู้ป่วยฟอกไต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งมีจำนวน 342 คน ได้ประสานคลินิก และศูนย์ไตเทียม 3 แห่งช่วยดูแลแล้ว
อย่างไรก็ดี ได้เตรียมความพร้อมของระบบการแพทย์ฉุกเฉิน โดยจัดรถพยาบาลระดับสูง (ALS) ไว้ 98 คัน รถพยาบาล BLS 60 คัน และชุดปฏิบัติการฉุกเฉินเบื้องต้น 40 คัน พร้อมสำรองยา เวชภัณฑ์ และเลือด ซึ่งขณะนี้ยังมีพอเพียง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ก.ค. 68)