
นายสุรชัย หนูพรหม รองกรรมการผู้อำนวยใหญ่ รักษาการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) กล่าวว่า ตามที่ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คมนาคม ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม ติดตามสถานการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา อย่างใกล้ชิด พร้อมรายงานความคืบหน้าการดำเนินการของแต่ละหน่วย เพื่อบูรณาการข้อมูลในการบริหารสถานการณ์นั้น
วิทยุการบินฯ ได้เกาะติดสถานการณ์ หลังมีประกาศ NOTAM (Notice to Airmen) หรือ “ประกาศผู้ทำการในอากาศเพื่อเปลี่ยนแปลงเวลาของห้วงอากาศเขตอันตราย (Danger Area)” โดยรอบบริเวณที่เกิดสถานการณ์ความไม่สงบ เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา เพื่อแจ้งให้ผู้ปฏิบัติการบินทราบและหลีกเลี่ยงเขตดังกล่าว ซึ่งวิทยุการบินฯ สามารถบริหารจัดการและให้บริการได้ตามปกติ ไม่ส่งผลกระทบต่อการจราจรทางอากาศ ทั้งเที่ยวบินภายในประเทศ และเที่ยวบินระหว่างประเทศ รวมถึงเที่ยวบินที่บินผ่านน่านฟ้าไทย เนื่องจากสามารถใช้เส้นทางบินอื่นหลีกเลี่ยงได้
จากการที่ประเทศกัมพูชา ได้ออกประกาศเขตห้วงอากาศที่ติดกับชายแดนไทยเป็นเขตพื้นที่อันตราย ห้ามบินผ่านนั้น วิทยุการบินฯ ได้เปลี่ยนไปใช้เส้นทางบินอื่น เพื่อหลีกเลี่ยงพื้นที่ดังกล่าวแทน เนื่องจากได้เตรียมมาตรการรองรับสถานการณ์ดังกล่าวไว้แล้ว จึงไม่มีผลกระทบต่อการบินของไทย รวมถึงการบินจากไทยไปยังกัมพูชา โดยเที่ยวบินพาณิชย์ ยังคงให้บริการตามปกติ และยังไม่มีการยกเลิกเที่ยวบิน หรือเปลี่ยนเส้นทางบินเพื่อหลีกเลี่ยงน่านฟ้าประเทศไทยแต่อย่างใด
ทั้งนี้ สำหรับเที่ยวบินจากประเทศไทยไปยังกัมพูชา (กรุงเทพ-พนมเปญ) สายการบินมีการประกาศยกเลิกในบางเที่ยวบิน เพื่อควบรวมเที่ยวบิน และเปลี่ยนขนาดของเครื่องบินให้ใหญ่ขึ้นในการรับผู้โดยสาร โดยสายการบินไทย ได้ยกเลิกเที่ยวบิน ไป/กลับ เที่ยวบินที่ TG584 /TG585 ระหว่างวันที่ 27 -31 กรกฎาคม 2568 ส่วนเที่ยวบิน TG586/587 และเที่ยวบินของสายการบินอื่น ๆ ยังคงทำการบินตามปกติ
นอกจากนั้น ยังได้จัดตั้งกลุ่มประสานงานการดำเนินการด้านการบินพลเรือน กับ กพท. และ ทอ. ตามแนวทางวิธีปฏิบัติภายในประเทศ สำหรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับแผนรับภาวะฉุกเฉินด้านบริการจราจรทางอากาศ ซึ่งเป็นไปตามแนวปฏิบัติขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) รวมถึงได้มีการประสานข้อมูลกับ ICAO เพื่อประเมินสถานการณ์ที่อาจกระทบกับการบินพลเรือนระหว่างประเทศ รวมถึงการประเมินสถานการณ์ภายในประเทศเพื่อการเตรียมการรองรับด้วย
นายสุรชัย กล่าวว่า วิทยุการบินฯ นอกจากจะบริการจราจรทางอากาศของเที่ยวบินพาณิชย์ให้เกิดความปลอดภัยแล้ว ยังคงให้การสนับสนุนภารกิจทางทหารเป็นสำคัญ อย่างเต็มที่ ได้จัดเสริมอัตรากำลังเจ้าหน้าที่เข้าปฏิบัติงาน ให้สอดรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งประสานงานอย่างใกล้ชิด กับหน่วยงานด้านความมั่นคงของประเทศตลอดเวลา
พร้อมเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างเกาะติด และเตรียมความพร้อมในทุกมิติ หากสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลงทั้งในสถานการณ์ปกติ และสถานการณ์ฉุกเฉิน วิทยุการบินฯ พร้อมให้การสนับสนุนตามนโยบายของรัฐบาล
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ก.ค. 68)