
ประธานาธิบดีไล่ ชิงเต๋อ แห่งไต้หวัน ได้ยกเลิกกำหนดการเดินทางเยือนต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงการแวะพักที่สหรัฐอเมริกาในสัปดาห์หน้า หลังจากรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ปฏิเสธคำขอดังกล่าว ท่ามกลางความกังวลว่าการเยือนของผู้นำไต้หวันอาจส่งผลกระทบต่อความพยายามในการเจรจาการค้าและจัดการประชุมสุดยอดระหว่างทรัมป์กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง
แหล่งข่าวหลายแหล่งยืนยันว่า แผนการเดินทางต้องหยุดชะงักลงหลังจากเจ้าหน้าที่ไต้หวันไม่ได้รับการอนุมัติจากฝั่งสหรัฐฯ ขณะที่หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า จีนได้ยื่นคัดค้านการแวะพักดังกล่าวต่อรัฐบาลสหรัฐฯ โดยตรง
การปฏิเสธครั้งนี้ได้จุดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก โดยแนนซี เพโลซี อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ กล่าวว่า “การตัดสินใจของทรัมป์ ถือเป็นสัญญาณอันตรายที่ชี้ว่าสหรัฐฯ อาจยอมศิโรราบต่อแรงกดดันของปักกิ่ง” และ “นี่คือชัยชนะของสี จิ้นผิง”
ท่าทีของสหรัฐฯ ยิ่งโหมกระพือความกังวลว่าประเด็นไต้หวันกำลังจะกลายเป็นไพ่ต่อรองในสงครามการค้า หลังจากที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลทรัมป์ได้นำมาตรการจำกัดทางเทคโนโลยีต่อจีนกลับขึ้นมาบนโต๊ะเจรจา
ทางด้านปธน.ทรัมป์ได้โพสต์ผ่านทรูธโซเชียล (Truth Social) ในวันนี้ (29 ก.ค.) ว่า เขาไม่ได้ “กำลังหาทาง” ประชุมกับปธน.สี แต่ยอมรับว่าอาจเดินทางไปจีน “หากเป็นไปตามคำเชิญของปธน.สีเท่านั้น” ขณะที่ทำเนียบขาวปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็น ส่วนกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยืนยันว่านโยบายการอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของไต้หวันแวะพักนั้นยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง
สถานการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่การทูตมีความเปราะบางอย่างยิ่ง โดยเมื่อวันจันทร์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ และรองนายกรัฐมนตรีจีนเพิ่งเสร็จสิ้นการเจรจาการค้าที่กรุงสตอกโฮล์ม ซึ่งคาดว่าจะนำไปสู่การขยายเวลาพักรบทางภาษีและปูทางสู่การประชุมสุดยอดทรัมป์-สี
เดิมที ปธน.ไล่มีกำหนดแวะพักที่นครนิวยอร์กและดัลลัส ก่อนเดินทางเยือนชาติพันธมิตรในลาตินอเมริกา ซึ่งการเยือนแผ่นดินใหญ่สหรัฐฯ ครั้งนี้จะถือเป็นครั้งแรกของเขานับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี
ในอดีต การแวะพักของผู้นำไต้หวันในสหรัฐฯ เคยถูกใช้เป็นเครื่องมือส่งสัญญาณทางการเมือง เช่นในปี 2549 ที่รัฐบาลปธน.จอร์จ ดับเบิลยู. บุช ปฏิเสธคำขอของปธน.เฉิน สุ่ยเปี่ยน เพื่อแสดงความไม่พอใจต่อนโยบายหนุนเอกราชที่อาจยั่วยุจีน
สำหรับปธน.ไล่ ซึ่งชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงน้อยที่สุดนับตั้งแต่ปี 2543 การยกเลิกการเดินทางครั้งนี้อาจถูกมองว่าเป็นสัญญาณของความอ่อนแอทางการเมืองทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะเมื่อรัฐบาลของเขากำลังเผชิญแรงกดดันจากฝ่ายค้านที่ต้องการฟื้นฟูความสัมพันธ์กับปักกิ่ง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ก.ค. 68)