
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยเมื่อวันอังคาร (29 ก.ค.) ว่า เขาอาจไม่เข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำ G20 ซึ่งจะจัดขึ้นที่แอฟริกาใต้ในเดือนพ.ย. โดยกำลังพิจารณาที่จะส่งผู้แทนไปเข้าร่วมแทนตนเอง สาเหตุเนื่องมาจากความไม่เห็นด้วยกับนโยบายบางประการของแอฟริกาใต้
ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับแอฟริกาใต้ในช่วงรัฐบาลทรัมป์เพิ่มขึ้นจากนโยบาย Black Economic Empowerment (BEE) ซึ่งเป็นมาตรการของแอฟริกาใต้ที่มุ่งแก้ไขความเหลื่อมล้ำทางเชื้อชาติในอดีต ด้านประธานาธิบดีซีริล รามาโฟซา ได้เชิญทรัมป์ให้เข้าร่วมการประชุม G20 และยืนยันว่าแอฟริกาใต้จะไม่ใช้นโยบายที่ดินในการยึดที่ดินของคนผิวขาวโดยพลการตามที่ถูกกล่าวหา
ทรัมป์ได้เผชิญหน้ากับรามาโฟซาในการพบกันที่ทำเนียบขาวเมื่อเดือนพ.ค. โดยเขากล่าวอ้างถึงข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูลความจริงเกี่ยวกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์คนผิวขาว และการยึดที่ดินจากเจ้าของผิวขาวในแอฟริกาใต้ ก่อนหน้านั้นในเดือนก.พ. เขาได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อตัดความช่วยเหลือทางการเงินของสหรัฐฯ ต่อแอฟริกาใต้
ทรัมป์ยังแสดงความไม่พอใจต่อนโยบายภายในและต่างประเทศของแอฟริกาใต้ โดยเฉพาะกรณีการที่แอฟริกาใต้ยื่นฟ้องอิสราเอลต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ในข้อหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์จากปฏิบัติการในกาซา ซึ่งกลายเป็นประเด็นที่สร้างความไม่พอใจให้กับทั้งรัฐบาลของเขาและรัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน
สถานการณ์ในกาซาหลังการโจมตีของอิสราเอลส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ประชาชนทั้งฉีกพลัดถิ่น เกิดวิกฤตความหิวโหย และนำไปสู่ข้อกล่าวหาเรื่องอาชญากรรมสงครามที่ถูกส่งฟ้องต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) อย่างไรก็ตาม อิสราเอลปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าเป็นการตอบโต้หลังเหตุการณ์โจมตีของกลุ่มฮามาสในเดือนต.ค. 2566 ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 1,200 คน และมีผู้ถูกจับเป็นตัวประกันกว่า 250 คน
การไม่เห็นด้วยกับจุดยืนของแอฟริกาใต้ยังนำไปสู่การที่มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ ปฏิเสธเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ G20 ที่แอฟริกาใต้เป็นเจ้าภาพ ซึ่งดำรงตำแหน่งประธาน G20 ตั้งแต่เดือนธ.ค. 2567 ถึงพ.ย. 2568
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ก.ค. 68)