
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเมื่อวันพุธ (30 ก.ค.) เพื่อเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากบราซิลเพิ่มอีก 40% ส่งผลให้อัตราภาษีนำเข้ารวมเพิ่มขึ้นเป็น 50%
คำสั่งดังกล่าวระบุว่า อัตราภาษีใหม่จะมีผลกับสินค้าที่นำเข้าเพื่อการบริโภค หรือเบิกออกจากคลังสินค้าเพื่อการบริโภค ตั้งแต่เวลา 00.01 น. (ตามเวลาฝั่งตะวันออก) ของสหรัฐฯ ภายใน 7 วันหลังคำสั่งมีผลบังคับใช้ ยกเว้นสินค้าบางรายการที่ได้รับการยกเว้นเฉพาะ
ทำเนียบขาวอ้างว่า มาตรการนี้เป็นการตอบโต้นโยบายและการดำเนินการล่าสุดของรัฐบาลบราซิลที่ก่อให้เกิดภัยคุกคามร้ายแรงต่อความมั่นคงแห่งชาติ นโยบายต่างประเทศ และเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
ในช่วงที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่รัฐบาลบราซิลถูกกล่าวหาว่าดำเนินการกดดันบริษัทสหรัฐฯ ให้เซ็นเซอร์เนื้อหาทางการเมือง ปิดบัญชีผู้ใช้งาน ส่งมอบข้อมูลผู้ใช้งานชาวสหรัฐฯ หรือเปลี่ยนแนวทางการควบคุมเนื้อหา โดยขู่ว่าจะลงโทษด้วยค่าปรับมหาศาล การดำเนินคดีอาญา การอายัดทรัพย์ หรือการห้ามทำธุรกิจในตลาดบราซิลโดยสิ้นเชิง
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 9 ก.ค. ทรัมป์ประกาศแผนขึ้นภาษีนำเข้ากับบราซิล พร้อมเชื่อมโยงมาตรการดังกล่าวกับการคัดค้านคดีไต่สวนของศาลสูงสุดบราซิลต่อฌาอีร์ โบลโซนาโร อดีตผู้นำบราซิล ซึ่งถูกตั้งข้อหาว่าวางแผนล้มล้างผลการเลือกตั้งในบราซิลเมื่อปี 2565 ขณะที่ในช่วงกลางเดือนก.ค. สหรัฐฯ ยังได้สั่งระงับวีซ่าของผู้พิพากษาศาลสูงสุดบราซิล 8 รายที่พิจารณาคดีดังกล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 ก.ค. 68)