
สำนักงานควบคุมทรัพย์สินในต่างประเทศ (OFAC) สังกัดกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ประกาศมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหญ่เมื่อวันพุธ (30 ก.ค.) ต่อบุคคล นิติบุคคล และเรือที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายขนส่งน้ำมันของอิหร่าน
ตามแถลงการณ์ของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ มาตรการคว่ำบาตรรอบนี้ครอบคลุม บุคคลและองค์กรกว่า 50 ราย รวมถึงเรือมากกว่า 50 ลำ เนื่องจากมีส่วนเกี่ยวข้องกับการขนส่งน้ำมันและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมจากอิหร่านและรัสเซีย รวมถึงสินค้าประเภทอื่น ๆ ไปยังผู้ซื้อทั่วโลก
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า มาตรการดังกล่าวถือเป็นการคว่ำบาตรที่เกี่ยวข้องกับอิหร่านครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2561 โดยสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ระบุว่า “มาตรการคว่ำบาตรกว่า 115 รายการที่ประกาศในวันนี้ ถือเป็นการคว่ำบาตรครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่รัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เริ่มดำเนินยุทธศาสตร์กดดันสูงสุดต่ออิหร่าน”
นอกจากนี้ การคว่ำบาตรอ้างอิงตามคำสั่งฝ่ายบริหารหมายเลข 13902 ซึ่งมุ่งเป้าไปยังผู้ที่ทำธุรกิจในภาคส่วนสำคัญของเศรษฐกิจอิหร่าน และสอดคล้องกับบันทึกนโยบายประธานาธิบดีด้านความมั่นคงแห่งชาติฉบับที่ 2 ที่เน้นการกดดันทางเศรษฐกิจอย่างสูงสุดต่ออิหร่าน
ขณะเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยังได้ประกาศขึ้นบัญชีองค์กร 20 แห่ง และระบุเรืออีก 10 ลำเป็นทรัพย์สินต้องห้าม เนื่องจากมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้าขายและขนส่งปิโตรเลียมและผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีของอิหร่าน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 ก.ค. 68)