
บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ [HMPRO] แจ้งผลประกอบการไตรมาส 2/68 มีกำไรสุทธิ 1,398.55 ล้านบาท ลดลง 223.15 ล้านบาท หรือ
“ไตรมาสนี้ถือเป็นบททดสอบที่สำคัญของธุรกิจค้าปลีก เราต้องรับมือทั้งกำลังซื้อที่ชะลอตัวจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศ และผลกระทบจากฤดูร้อนที่สั้นลงกว่าทุกปี ซึ่งส่งผลต่อยอดขายสินค้าทำความเย็นโดยตรง อย่างไรก็ตาม โฮมโปรยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนและดำเนินแผนกลยุทธ์ในเชิงรุกได้อย่างต่อเนื่อง จึงยังคงรักษาผลกำไรในระดับที่น่าพอใจ และตอกย้ำความแข็งแกร่งของโครงสร้างธุรกิจที่เรามี” นายวีรพันธ์ อังสุมาลี กรรมการผู้จัดการ HMPRO กล่าว
บริษัทมีรายได้รวมในไตรมาส 2/68 อยู่ที่ 17,456.81 ล้านบาท ลดลง 5.82% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง 4.42% สะท้อนการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ พร้อมกันนี้ รายได้จากค่าเช่ายังขยายตัว 3.72% จากการบริหารพื้นที่เช่าในศูนย์การค้าและสาขาที่ตั้งอยู่ในแหล่งท่องเที่ยว
ในด้านกลยุทธ์ นายวีรพันธ์ กล่าวว่า บริษัทให้ความสำคัญกับการใช้พื้นที่ขายอย่างคุ้มค่าผ่านโมเดล Hybrid Store ควบคู่กับการยกระดับบริการ CHANG HomePro ให้ครอบคลุมความต้องการของลูกค้ามากขึ้น รวมถึงการพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ และจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง เช่น HomePro Super Expo และ Double Day ซึ่งช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายและเพิ่มความถี่ในการเข้าชมทั้งหน้าร้านและออนไลน์
“เรายังคงยึดหลักการดำเนินธุรกิจอย่างรอบคอบและยืดหยุ่น เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อตลาดที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างทันท่วงที และที่สำคัญคือ เรายังมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งผ่านการบริหารจัดการความเสี่ยงทางการเงินที่มีประสิทธิภาพ โดยมีอัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนเพียง 0.61 เท่า อีกทั้งยังมีอัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น (ROE) อยู่ที่ 23.75% ซึ่งยังคงอยู่ในระดับที่สูงเมื่อเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม แม้ในสภาวะที่ท้าทาย”
นายวีรพันธ์ ยังกล่าวเสริมว่า ในระยะสั้นบริษัทยอมรับว่ายังต้องเผชิญกับความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่อ่อนแรง อย่างไรก็ตาม จากโครงสร้างธุรกิจที่มั่นคง ระบบการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ และกลยุทธ์การตลาดเชิงรุก ทำให้ HMPRO ยังคงเป็นหนึ่งในหุ้นค้าปลีกคุณภาพ ที่นักลงทุนสามารถพิจารณาเก็บเข้าพอร์ตได้ในจังหวะที่ราคายังไม่สะท้อนศักยภาพที่แท้จริง เพราะเรามั่นใจว่าเมื่อเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว HMPRO จะกลับมาเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งในระยะยาว เพราะเราได้วางรากฐานธุรกิจไว้อย่างรอบด้านแล้ส
ขณะที่ บล.เอสบีไอ ไทย ออนไลน์ แนะนำ “ซื้อเมื่อย่อตัว” ราคาเป้าหมาย 7.90 บาท หุ้น HMPRO หลังจากรายงานกำไรสุทธิหดตัว 13.8% YoY ในไตรมาส 2/68 ผลจากกำลังซื้อผู้บริโภคหดตัว โดยบริษัทมีรายได้รวม ลดลง 5.8% YoY เนื่องจากรายได้หลักจากการขายสินค้าและบริการ หดตัวตามกำลังซื้อผู้บริโภคที่อ่อนตัว ประกอบกับยอดขายสินค้าในกลุ่มเครื่องทำความเย็นลดลงเนื่องจากการเข้าสู่ฤดูฝนที่เร็วกว่าปีก่อนหน้า, รายได้ค่าเช่า เพิ่มขึ้น 3.7% YoY แต่รายได้อื่นลดลง 13.1% YoY ผลจากการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายกับคู่ค้าทั้งออนไลน์และออฟไลน์ และ เงินสนับสนุนทางการค้าตามยอดขายที่ลดลง ส่วนอัตรากาไรขั้นต้น(GPM) อยู่ที่ 25.82% ลดลงจาก 26.26% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน 2Q67 เนื่องจากส่วนลดทางการค้าที่ลดลงตามปริมาณสั่งซื้อที่ลดลงตามยอดขายที่หดตัว
เรามองแนวโน้มกำลังซื้อภายในประเทศไตรมาส 3/68 ยังคงน่าเป็นห่วง สภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากทั้งปัจจัยภายนอก (ภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ/ต้นทุนสินค้าปรับตัวขึ้น) และปัจจัยภายใน (การชะลอตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ,สินค้านาเข้าราคาถูกจากจีน และ การบริโภคของครัวเรือนและภาคธุรกิจที่ลดลง) คาดจะยังกดดันรายได้รวมของบริษัท แต่บริษัทได้ให้มุมมองว่าจะเน้นการควบคุมต้นทุนภายในอย่างรัดกุมและบริหารค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ และ เน้นการเปิดสาขารูปแบบ Hybrid Store ซึ่งสามารถลดค่าใช้จ่ายดาเนินการบางส่วนได้
ทั้งนี้ คาดการณ์กำไรสุทธิปี 68 อยู่ที่ 6,336 ล้านบาท และปี 69 อยู่ที่ 6,574 ล้านบาท ประเมินมูลค่าพื้นฐาน ปี 68 ที่ 7.90 บาท
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 ก.ค. 68)