
ราคาทองคำในตลาดสปอตปรับตัวขึ้นแล้ว 26% นับตั้งแต่ต้นปี 2568 หลังจากแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ในเดือนเม.ย. โดยได้แรงหนุนจากความไม่แน่นอนด้านนโยบายการค้าโลกและสถานการณ์ตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ซึ่งส่งผลให้เงินลงทุนไหลเข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ
ข้อมูลล่าสุดจากสภาทองคำโลก (WGC) ระบุว่า ความต้องการทองคำทั่วโลกรวมถึงการซื้อขายนอกตลาด (OTC) ในไตรมาส 2 ปี 2568 เพิ่มขึ้น 3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ 1,248.8 เมตริกตัน โดยมีแรงขับเคลื่อนสำคัญจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้นถึง 78%
ด้านกองทุน ETF ที่มีทองคำหนุนหลังนั้น มีการไหลเข้าของเงินทุนในช่วงครึ่งปีแรกสูงที่สุดนับตั้งแต่ครึ่งแรกของปี 2563 ตามรายงานก่อนหน้านี้ของ WGC ที่เผยแพร่เมื่อต้นเดือนก.ค.
ในแง่ของอุปสงค์ ความต้องการทองคำแท่งในไตรมาส 2 เพิ่มขึ้น 21% ซึ่งช่วยชดเชยการชะลอตัวต่อเนื่องของความต้องการเหรียญทองคำ ขณะที่ความต้องการทองคำในรูปแบบเครื่องประดับ ซึ่งเป็นหมวดหลักของทองคำทางกายภาพ ลดลง 14% เหลือ 341 ตัน ถือเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2563 ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 เนื่องจากราคาที่สูงทำให้ผู้บริโภคชะลอการซื้อ
WGC ชี้ว่า ความต้องการทองคำที่ลดลงส่วนใหญ่มาจากจีนและอินเดีย โดยสัดส่วนตลาดรวมของทั้งสองประเทศลดลงต่ำกว่า 50% เป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 5 ปี
สำหรับธนาคารกลาง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแหล่งสำคัญของความต้องการทองคำ ลดการซื้อทองคำในไตรมาส 2 ลง 21% เหลือ 166.5 ตัน โดยอิงจากข้อมูลการซื้อที่รายงานและประมาณการการซื้อที่ไม่ได้เปิดเผย ขณะที่ WGC ได้ปรับลดคาดการณ์การซื้อทองคำโดยธนาคารกลางสำหรับปีนี้ลง แต่อธิบายว่าแนวโน้มระยะยาวของการที่ธนาคารกลางปรับพอร์ตจากสินทรัพย์ของสหรัฐฯ ไปสู่ทองคำยังคงดำเนินต่อไป
ในส่วนของอุปทาน การรีไซเคิลทองคำเพิ่มขึ้น 4% มาอยู่ที่ 347.2 ตันในไตรมาส 2 อย่างไรก็ตาม ปริมาณดังกล่าวยังถือว่าค่อนข้างจำกัด แม้ราคาทองคำทำสถิติใหม่ โดยผู้บริโภคในอินเดียเลือกที่จะนำเครื่องประดับเก่ามาแลกเป็นของใหม่หรือใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้มากกว่าขายคืน
นอกจากนี้ WGC ยังมองว่า ETF ทองคำมีแนวโน้มขยับขึ้นต่อไปในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ แม้การลงทุนจากนักลงทุนรายย่อยอาจชะลอลงเล็กน้อยก็ตาม
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 ก.ค. 68)