ผู้นำบราซิลชูอธิปไตยชาติ ไม่ยอมก้มหัวต่อแรงกดดันจากสหรัฐฯ

ประธานาธิบดีลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา ผู้นำบราซิล ย้ำว่าอธิปไตยของชาติเป็นเสาหลักสำคัญของประเทศ พร้อมเน้นย้ำถึงความร่วมมือระหว่างประเทศและการเสริมสร้างพหุภาคีนิยม ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นกับสหรัฐฯ

ลูลาระบุผ่านโพสต์บนโซเชียลมีเดียเมื่อวานนี้ (31 ก.ค.) ว่า หากปราศจากอธิปไตย บราซิลจะไม่มีวันดำรงอยู่ได้ โดยอ้างถึงการปฏิเสธที่จะยอมทำตามแรงกดดันจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ซึ่งมองว่ารัฐบาลบราซิลชุดปัจจุบันเป็นภัยคุกคามที่ผิดปกติและร้ายแรงต่อสหรัฐฯ

ลูลากล่าวว่า อธิปไตยคือสิ่งที่นำพาเสรีภาพและเอกราชมาให้เรา… เป็นอำนาจของประชาชนในการกำหนดชะตากรรม ขีดความสามารถของประเทศในการเลือกเส้นทาง ปกป้องทรัพยากร ดูแลดินแดน และปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง พร้อมเสริมว่า สำหรับบราซิล อธิปไตยคือสิทธิในการสร้างสังคมที่เสรี ยุติธรรม และเกื้อกูลกัน

แม้ไม่ได้เอ่ยชื่อสหรัฐฯ หรือทรัมป์โดยตรง ผู้นำบราซิลยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างประเทศ และระบุว่าบราซิลยังคงมุ่งมั่นต่อการเสริมสร้างพหุภาคีนิยม

เมื่อวันพุธ (30 ก.ค.) ทำเนียบขาวมีคำสั่งคว่ำบาตรผู้พิพากษาอเล็กซานเดร เดอ โมราเอส ภายใต้กฎหมายแม็กนิตสกี (Magnitsky Act) ที่ใช้ลงโทษชาวต่างชาติที่ถูกกล่าวหาว่าทุจริตหรือกระทำการละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรง

ในวันเดียวกัน ทรัมป์ยังลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหาร เพื่อเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากบราซิลเพิ่มอีก 40% ส่งผลให้อัตราภาษีนำเข้ารวมเพิ่มขึ้นเป็น 50% โดยอ้างว่า มาตรการนี้เป็นการตอบโต้นโยบายและการดำเนินการล่าสุดของรัฐบาลบราซิลที่ก่อให้เกิดภัยคุกคามร้ายแรงต่อความมั่นคงแห่งชาติ นโยบายต่างประเทศ และเศรษฐกิจของสหรัฐฯ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ส.ค. 68)