
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยขอเตือนกองกำลังของกัมพูชาหากใช้อากาศยานไร้คนขับ (โดรน) ทำการบินเข้ามาในอาณาเขตอธิปไตยของประเทศไทยจะถูกดำเนินการทำลายทันทีเมื่อรุกล้ำอธิปไตย
ทั้งนี้ รัฐบาลไทยโดยกองทัพบกและฝ่ายความมั่นคงได้ยกระดับมาตรการแอนตี้โดรนอย่างเป็นรูปธรรม ล่าสุดเมื่อวันที่ 2 ส.ค.ที่ผ่านมา พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้ประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือทั้ง 20 จังหวัดผ่านระบบ VTC เพื่อกำชับมาตรการป้องกันและควบคุมการใช้โดรนในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณศาลากลางจังหวัด คลังอาวุธ สถานีขนส่ง สถานีตำรวจ สนามกีฬา และสนามบิน
โดยได้สั่งการให้ทุกจังหวัดบูรณาการการทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ภาคเอกชน และประชาชนในการดำเนินการแอนตี้โดรน และจัดตั้งชุดลาดตระเวนเพื่อตรวจสอบบุคคลต้องสงสัย รวมถึงดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดตามกฎหมาย หากพบพฤติการณ์ที่เข้าข่ายก่อการร้ายหรือเป็นสายลับ ซึ่งมีโทษร้ายแรงถึงขั้นประหารชีวิต
นอกจากนี้ยังมีคำสั่งชัดเจนให้ดำเนินการทางกฎหมายกับผู้กระทำผิดทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยหากเป็นชาวต่างชาติ หลังจากดำเนินคดีแล้วจะถูกเนรเทศและขึ้นบัญชีแบล็กลิสต์ ห้ามกลับเข้ามาในประเทศไทยอีก
อักทั้งสำนักการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยได้ออกประกาศเมื่อวันที่ 30 ก.ค.68 ห้ามบินโดรนทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 30 ก.ค.-15 ส.ค.68 หรือจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
ส่วนกรณีที่ พล.ท.มาลี โฆษกกลาโหมกัมพูชา ออกมากล่าวหาว่าไทยส่งโดรนล่วงล้ำน่านฟ้ากัมพูชานั้น ตนขอยืนยันว่าประเทศไทยดำเนินมาตรการควบคุมการใช้โดรนอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดน และไม่มีนโยบายใช้โดรนเพื่อรุกล้ำอธิปไตยของประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากมีเทคโนโลยีสมัยใหม่ ไม่จำเป็นต้องใช้โดรนบินเหมือนเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว
ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ประเทศไทยดำเนินการทุกอย่างด้วยความระมัดระวัง และมีความตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะรักษาความสงบเรียบร้อยโดยเคารพอธิปไตยของทุกประเทศ พร้อมกันนี้ประเทศไทยได้ตรวจพบกระสุนปืนใหญ่ วัตถุระเบิดและ MB 21 จำนวนมากในพื้นที่ของประเทศไทย ซึ่งหน่วยเก็บกู้ระเบิดดำเนินการทำลายล้างเพื่อความปลอดภัย โดยแต่ละครั้งก็ได้แจ้งล่วงหน้าต่อฝ่ายกัมพูชาในกรณีการทำลายวัตถุระเบิดในพื้นที่ยอดภูเขือ เพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าใจผิดทุกครั้ง
“ขอเรียกร้องให้รัฐบาลกัมพูชาแสดงความจริงใจในการสื่อสารระหว่างกัน หลีกเลี่ยงการให้ข้อมูลที่บิดเบือนต่อสื่อหรือประชาคมโลก และร่วมมืออย่างสร้างสรรค์ในการคลี่คลายสถานการณ์ชายแดน เพื่อประโยชน์ร่วมกันของประชาชนทั้งสองประเทศ” นายจิรายุ กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 ส.ค. 68)