คลัง-พาณิชย์ จับมือขับเคลื่อนแผนงานทรัพย์สินทางปัญญาจริงจัง หวังสหรัฐฯ ถอดไทยพ้นบัญชี WL

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติ (คทป.) พร้อมด้วยหน่วยงานภาครัฐ 20 แห่ง ร่วมบูรณาการขับเคลื่อนแผนพัฒนาทรัพย์สินทางปัญญาไทยในมิติต่าง ๆ เพื่อเสริมแกร่ง SMEs ดันเศรษฐกิจเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยี และงานสร้างสรรค์

รองนายกฯ และรมว.คลัง ระบุว่า “ทรัพย์สินทางปัญญา” คือ หนึ่งกลไกสำคัญของการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะในมิติด้านเศรษฐกิจและการต่างประเทศ เพราะนานาชาติต่างให้ความสำคัญกับการคุ้มครองและป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา หากประเทศไทยมีระบบนิเวศด้านทรัพย์สินทางปัญญาที่เอื้อต่อการสร้างสรรค์ และใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ ย่อมนำมาซึ่งการดึงดูดการค้าการลงทุนจากต่างประเทศ และเพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการไทยให้แข่งขันได้ในเวทีโลก

ทั้งนี้ ที่ประชุม คทป. ได้ร่วมกันกำหนดทิศทางการขับเคลื่อนนโยบายด้านทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศ ทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว โดยมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ กรมทรัพย์สินทางปัญญา เป็นหน่วยงานหลักในการบูรณาการการทำงานและติดตามผล ซึ่งหนึ่งในนโยบายสำคัญที่จะดำเนินการเร่งด่วน คือ การยกระดับขีดความสามารถด้านนวัตกรรมของไทย ภายใต้กรอบดัชนีนวัตกรรมโลก (Global Innovation Index: GII) โดยมีแนวทางขับเคลื่อน 6 ด้าน ดังนี้

1. การใช้ประโยชน์งานวิจัยและการลงทุนด้านนวัตกรรม 2. การเพิ่มมูลค่านวัตกรรมด้วยความคิดสร้างสรรค์ และทรัพย์สินทางปัญญา 3. การพัฒนานวัตกรรมผ่านกลไกทางการเงินและตลาดทุน 4. การส่งเสริมการขยายผลและการใช้ประโยชน์นวัตกรรม 5. การพัฒนาวิสาหกิจฐานนวัตกรรมและกำลังคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพ และ 6. การบริหารจัดการข้อมูลนวัตกรรม

 

  • คทป. ไฟเขียวแผนพัฒนาทรัพย์สินทางปัญญา ปี 69-70

ด้าน นายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า หนึ่งในนโยบายเร่งด่วนที่ได้รับมอบหมายจาก นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รมว.พาณิชย์ คือ การสร้างความเข้มแข็งให้กับ SMEs ไทย ภายใต้นโยบาย “ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย” โดยมีเป้าหมายขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ให้ภาคเอกชน ประชาชน มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยการนำทรัพย์สินทางปัญญามาสร้างโอกาสทางธุรกิจ เพิ่มมูลค่าให้สินค้าและบริการยิ่งขึ้น

ด้วยเหตุนี้ กระทรวงพาณิชย์ จึงมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างระบบนิเวศที่เอื้ออำนวยต่อการพัฒนาศักยภาพด้านทรัพย์สินทางปัญญาให้ครอบคลุมทุกมิติ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ที่ประชุมจึงเห็นชอบแผนพัฒนาด้านทรัพย์สินทางปัญญา พ.ศ. 2569-2570 โดยบูรณาการการทำงานเชิงรุก ทั้งในด้านการพัฒนากฎหมาย ด้านการป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ด้านการให้บริการภาครัฐ และด้านการมีส่วนร่วมและสร้างความตระหนักรู้ของภาคประชาชน เพื่อป้องกันและแก้ปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเหมาะสม

รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า การดำเนินการทั้งหมดนี้ จะเป็นแนวทางในการดำเนินการเพื่อให้สหรัฐฯ พิจารณาถอดไทยออกจากบัญชีประเทศที่ต้องจับตามอง (Watch List: WL) ตามกฎหมายการค้าสหรัฐฯ มาตรา 301 พิเศษด้วย

“การประชุม คทป.ครั้งนี้ ได้สะท้อนความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการพัฒนาระบบทรัพย์สินทางปัญญาของไทยให้เข้มแข็ง ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถด้านการแข่งขัน การลงทุน และผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างยั่งยืน” นายฉันทวิชญ์ ระบุ

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ส.ค. 68)