
พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม และรักษาการ รมว.กลาโหม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญว่า การประชุมร่วมกันครั้งนี้ ฝ่ายกัมพูชาระดับนโยบายได้แสดงความจริงใจต่อมาตรการหยุดยิงที่ได้ตกลงกันไว้ การละเมิดการหยุดยิงที่กล่าวมาเป็นการดำเนินการโดยพลการ ดังนั้นเจตนารมย์ของตนที่เข้าหารือวันนี้ คือ การหารือกับฝ่ายกัมพูชาหารือตรงไปตรงมาด้วยความจริงใจและสุจริตของทั้งสองฝ่าย เพื่อหาแนวทางที่ทำให้การหยุดยิงเดินหน้าต่อไปได้อย่างยั่งยืน เพื่อนำสันติภาพและความสงบสู่ชายแดนไทย-กัมพูชาอีกครั้ง เพื่อประโยชน์ประชาชน 2 ฝ่าย ได้กลับใช้ชีวิตปกติ
โดยทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน ได้แก่
1. ทั้งสองฝ่ายจะยึดมั่นหยุดยิงอย่างเคร่งครัด ครอบคลุมอาวุธทุกประเภท และทั้งสองฝ่ายคงกำลังที่ตั้งเดิม ตั้งแต่วันที่หยุดยิง โดยไม่มีการเสริมกำลังเข้าไปเพิ่มเติม
2. ให้มีคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว ประกอบด้วย ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารของประเทศอาเซียน ประจำประเทศไทย และกัมพูชา นำโดยผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารมาเลเซีย เข้าไปสังเกตการณ์ในพื้นที่สม่ำเสมอ โดยไม่มีการข้ามแดน และมีการประสานงานใกล้ชิด กับคณะกรรมการ RBC และGBC ในแต่ละประเทศ เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีการละเมิดการหยุดยิงของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
3. ทั้งสองฝ่ายหลีกเลี่ยงการกระทำยั่วยุ ทั้งในทางทหาร และการให้ข้อมูลบิดเบือน หรือข่าวเท็จ เพื่อเสริมสร้างบรรยากาศต่อการพูดคุยและหาทางออกอย่างสันติ
4. ทั้งสองฝ่าย จะปฏิบัติกฏหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด ในเหตุการณ์เฉพาะหน้า จะเร่งเก็บและส่งร่างผู้เสียชีวิตกลับประเทศอย่างมีเกียรติ และมีศักดิ์ศรี ส่วนการส่งกลับเชลยศึกตามหลักกฏหมายระหว่างปรเทศ ก็จะมีการส่งกลับทันที เมื่อมีการยุติการใช้กำลังโดยสมบูรณ์ ซึ่งเป็นไปตามอนุสัญญาเจนีวา ฉบับที่ 3 โดยระหว่างนี้ ตนยืนยันว่าฝ่ายไทยได้ให้การดูแลบุคคลเหล่านี้ตามหลักกฏหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างครบถ้วน
5. ทั้งสองฝ่าย จะรักษาช่องทางพูดคุยและการใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น ไม่ให้ลุกลามบานปลาย หลังจากนี้จะประชุม RBC ภายใน 2 สัปดาห์ เพื่อประสานงานการปฏิบัติตามที่ได้ตกลงกัน และหลังจากนี้จะมีการประชุม GBC ในอีก 1 เดือนครั้งหน้าเพื่อติดตามความคืบหน้าตามผลประชุมครั้งนี้
พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ได้หยิบยกอีก 2 ประเด็นสำคัญ คือ 1.การเก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดความตึงเครียดจนนำไปสู่การใช้กำลังระหว่างกัน เรื่องนี้ฝ่ายไทยพร้อมให้ความร่วมมือกัมพูชา ในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่ที่มีการปะทะ และพื้นที่อื่น ๆ ตลอดแนวชายแดน เพื่อความปลอดภัยของประชาชนทั้งสองฝ่าย
2. ความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งส่งผลต่อคนไทย และประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค แต่ทางฝ่ายกัมพูชายังไม่ตอบรับ โดยขอให้นำไปหารือ GBC ครั้งต่อไป
“ผมขอย้ำอีกครั้งว่า สิ่งที่ 2 ฝ่ายได้หารือ และเห็นฟ้องร่วมกันในวันนี้ จะเกิดผลรูปธรรมได้ ต้องอาศัยความร่วมมือและความจริงใจของทั้งสองฝ่าย ผมขอยืนยันว่า ฝ่ายไทยจะยึดมั่นในการให้ความร่วมมือและการพูดคุยอย่างสุจริต และจริงใจต่อไป บนพื้นฐานของการเป็นพื้นฐานที่ดี และหวังว่าฝ่ายกัมพูชา จะปฏิบัติตามเช่นเดียวกัน” พล.อ.ณัฐพล กล่าว
สำหรับประชาชนในพื้นที่ที่ประสงค์จะกลับภูมิลำเนานั้น พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ได้กำหนดให้ผู้ราชการในแต่ละจังหวัด ประสานกับผู้บัญชาการหน่วยทหารในพื้นที่ได้โดยตรง เพราะสถานการณ์แต่ละจังหวัดไม่เหมือนกัน หากจังหวัดใดมีความพร้อม ก็ให้ประชาชนกลับภูมิลำเนาได้
“สิ่งที่กองทัพห่วงใย คือ ยังมีกระสุน และจรวดที่กัมพูชายิงมาตกในพื้นที่ชุมชน อาจหลงเหลืออยู่ ดังนั้นหากประชาชนกลับภูมิลำเนาแล้ว หากพบเห็นวัตถุระเบิด ให้แจ้งหน่วยตำรวจหรือทหารในพื้นที่ เพื่อทำการเก็บกู้ต่อไป” รักษาการ รมว.กลาโหม ระบุ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ส.ค. 68)